หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๖๓) - ๒๔๗๙.pdf/162

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
(ค)

อันลอยน้ำเป็นธรรมดา กลับจมลงไปอยู่กับพื้นที่ข้างใต้น้ำ ข้อนี้ พระพุทธองค์ทรงพยากรณ์ว่า เมื่อถึงยุคเข็ญนั้น พระมหากษัตริย์จะชุบเลี้ยงคนแต่เสเพล เปรียบเหมือนลูกน้ำเต้าเปล่าอันได้แต่ลอยตามสายน้ำ ตั้งเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในราชการ เปรียบดังน้ำเต้าเปล่าจมลงไปเป็นภาคพื้นใต้น้ำ

ในพระสุบินข้อ ๑๓ ว่า พระเจ้าปะเสนทิได้ทอดพระเนตรเห็นหินก้อนใหญ่สักเท่าเรือน (ในเพลงยาวว่า กระเบื้อง) ลอยขึ้นมาอยู่บนหลังน้ำ พุทธพยากรณ์ข้อนี้ก็อย่างเดียวกับข้อก่อน แต่กลับกันว่า ผู้ทรงคุณเป็นหลักฐานมั่นคง เปรียบเหมือนหินดานที่เป็นพื้นของลำน้ำ เมื่อถึงยุคเข็ญ จะสิ้นวาสนา ต้องเที่ยวซัดเซเร่เร่อน เปรียบเหมือนกับหินกลับลอยตามกระแสน้ำ

นอกจาก ๒ ข้อนี้ เหตุร้ายต่าง ๆ ที่ในพุทธพยากรณ์ว่า จะเกิดในยุคเข็ญ ก็เป็นเค้าเดียวกับที่กล่าวในเพลงยาว เห็นได้ชัดว่า ผู้แต่งคำพยากรณ์กรุงศรีอยุธยาเอาความในมหาสุบินชาดกมาแต่ง แต่มีผิดกันเป็นข้อสำคัญอยู่ ๒ แห่ง แห่ง ๑ ในมหาสุบินชาดก พระพุทธเจ้ามิได้ทรงพยากรณ์ว่า ยุคเข็ญนั้นจะเกิดในประเทศใด เป็นแต่ว่า จะเกิดเพราะพระราชาไม่อยู่ในราชธรรม แต่ในคำพยากรณ์เจาะจงว่า จะเกิดณกรุงศรีอยุทธา อิกแห่ง ๑ ในพระพุทธพยากรณ์มิได้กล่าวว่า ยุคเข็ญจะเกิดเมื่อใด เป็นแต่ว่า ยังอีกช้านานในภายหน้า แต่ในคำพยากรณ์กรุงศรีอยุธยาอ้างว่า จะเกิดยุคเข็ญเมื่อศักราชได้ ๒๐๐๐ ปี จึงเป็นปัญหาเกิดขึ้นอีกข้อ ๑ ว่า "ศักราชอันใด" ถ้าหมายว่า