หน้า:ปัญญาส (๑๖) - ๒๔๗๑.pdf/23

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
20
ปัญญาสชาดก

พากุลกุมารโพธิสัตว์จึงบอกความนั้นแก่ภรรยา นางสุขุมาอัณฑาจึงไปยังที่เก็บฟองไข่ ตั้งสัตยาธิษฐานแล้วก็นำเอาคชสารตัวหนึ่งออกจากกระเปาะไข่ คชสารนั้นมีอวัยวะทั้งปวงอันขาวล้วนควรเปนราชพาหนะ ทั้งบริบูรณ์ไปด้วยสรรพลักษณะอันอุดม มีงาทั้งสองอันงอนงามดูช้อยชด แลมีเล็บเท้าทั้งหมดอันแดงดุจน้ำครั่ง ทั้งประกอบด้วยกำลังอันแกล้วกล้าสามารถ นางจึงพากุญชรชาตินั้นมา แล้วมอบให้แก่พระโพธิสัตว์ ๆ ก็จับงากุญชรนำไปสู่ราชตระกูล ถวายบังคมพระเจ้าพาราณสีแล้วทูลถามว่า ข้าแต่สมมติเทวราชเจ้า ข้าพระบาทได้ทราบเกล้าว่า มีรับสั่งให้ข้าพระบาทนำช้างงามาชนกับช้างหลวง บัดนี้ ข้าพระบาทได้นำมาแล้ว พระพุทธเจ้าข้า

พระเจ้าพาราณสีมีพระราชดำรัสว่า เออ จริงดังนั้นและ แล้วบัญชาอำมาตย์ผู้หนึ่งว่า ดูกรพระนาย ท่านจงไปนำเอาช้างหลวงมาเชือกหนึ่ง ครั้นอำมาตย์นั้นรับพระราชโองการแล้ว ก็ไปสู่โรงช้าง จึงนำเอาช้างหลวงตัวหนึ่งทั้งสูงทั้งใหญ่มาถวายให้ทอดพระเนตร์ จึงมีรับสั่งว่า ท่านทั้งสองจงไปให้ช้างชนกันณสนามหน้าพระลาน ชนทั้งหลายก็กระทำตามพระราชโองการ ปล่อยคชสารทั้งสองออกให้สู้กัน ช้างหลวงนั้นมีรูปร่างอันสูงใหญ่มาก ช้างทิพย์นั้นมีร่างกายอันเล็กกว่า แต่มีกำลังอันแกล้วกล้าสามารถ

ช้างทิพย์นั้น ครั้นแลเห็นช้างหลวง ก็กระทำโกญจนาทดุจเสียงอัสนีบาตฉนั้น ช้างหลวงได้ฟังเสียงโกญจนาทก็มีความสดุ้งครั่นคร้ามกลัว จึงยกงวงขึ้นแล้วทำหางแขงซื่อดุจท่อนไม้ ทำอาการหมุนออกเหมือนจะวิ่งหนี แล้วก็ล้มนอนอยู่ณที่นั้น