หน้า:ปัญญาส (๑๖) - ๒๔๗๑.pdf/22

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
19
๕๐ พากุลชาดก

พาราณสี ๆ จึงมีรับสั่งให้นายสารถีขึ้นขี่อาชาตัวนั้น แล้วให้พากุลกุมารขึ้นขี่ม้าที่นำมาจะวิ่งแข่งขัน แท้จริง เมืองพาราณสีนั้นโดยส่วนยาวได้ ๙ โยชน์ โดยส่วนกว้างประมาณ ๗ โยชน์ เพราะเหตุนั้น พระเจ้าพาราณสีจึงตรัสบังคับว่า ท่านทั้งสองจงควบอาชาแข่งกันไปตั้งแต่ต้นกำแพงเมืองข้างนี้ วงไปโดยรอบจนถึงที่สุดกำแพงข้างหน้า แล้วตรัสกำชับพากุลกุมารอีกว่า ถ้าม้าของท่านอัปราชัย ท่านจะต้องให้ภรรยาของท่านแก่เรา ตรัสดังนี้แล้ว จึงมีรับสั่งให้ปล่อยม้าทั้งสองพร้อมกัน ม้าทั้งสองนั้นก็วิ่งแข่งเสมอกันไปหน่อยหนึ่ง

ฝ่ายม้าทิพย์เปนสินธพอาชาไนย มีกำลังอันว่องไวรวดเร็วยิ่งนัก วิ่งไปพักหนึ่งครู่เดียวก็ถึงที่สุดกำแพงข้างหน้า พากุลกุมารโพธิสัตว์จึงลงจากอาชาเข้าไปถวายบังคมพระเจ้าพาราณสี แล้วนั่งอยู่ณที่อันควรข้างหนึ่ง ฝ่ายม้าหลวงนั้นมีฝีเท้าอันช้ายิ่งนัก ต่อเวลาสายัณหสมัย จึงวิ่งไปถึงที่สุดกำแพงข้างหน้า พระเจ้าพาราณสีก็ถึงซึ่งความอัปราชัย มีพระหฤทัยประกอบไปด้วยความละอายแลโทมนัส ข้างพากุลกุมารโพธิสัตว์ก็ถวายบังคมลาขึ้นอาชาไนยกลับไปยังบ้านเรือนของตน

ลำดับนั้น พระเจ้าพาราณสีจึงตรัสปรึกษาคามโภชกอีกว่า ดูกรคามโภชก เราจะคิดอุบายอย่างไรต่อไปอีกเล่า คามโภชกกราบทูลว่า ข้าแต่สมมติเทวราชเจ้า พากุลกุมารนั้นเปนคนทุคคตะอนาถา จะได้ช้างงามาแต่ที่ไหน ข้าพระบาทเห็นด้วยเกล้าเช่นนี้ ขอพระองค์จงส่งราชบุรุษไป ให้บอกพากุลกุมารหาช้างงามาชนกับช้างหลวงในวันพรุ่งนี้ พระพุทธเจ้าข้า พระเจ้าพาราณสีทรงเห็นชอบด้วย จึงส่งราชบุรุษให้ไปบอกพากุลกุมารเหมือนดังนั้น