พระเจ้าพาราณสีนั้น ครั้นพากุลกุมารกลับไปแล้ว จึงตรัสปรึกษากับคามโภชกว่า ดูกรคามโภชก เราจะคิดอุบายอย่างไรต่อไปอีกเล่า
คามโภชกกราบทูลว่า ข้าแต่สมมติเทวราชเจ้า พากุลกุมารนั้นเปนคนทุคคตะอนาถา จักได้ม้ามาแต่ไหน โดยเหตุนี้ ขอพระองค์จงส่งราชทูตไปบอกว่า ให้พากุลกุมารหาม้าตัวหนึ่งมาวิ่งแข่งขันกับม้าหลวงในวันพรุ่งนี้ พระพุทธเจ้าข้า
พระเจ้าพาราณสีได้ทรงฟังก็เห็นชอบด้วย จึงมีรับสั่งให้ราชบุรุษผู้หนึ่งไปบอกพากุลกุมารตามคำที่คามโภชกกราบทูลแล้วนั้น พากุลกุมารจึงบอกความตามที่ราชบุรุษมาบอกนั้นแก่นางสุขุมาอัณฑาผู้เปนภรรยา ๆ จึงไปล้วงเอาม้าตัวหนึ่งมีรูปอันงามดังสินธพชาติอาชาไนยออกจากกระเปาะฟองไข่ของตน แล้วมอบให้แก่พากุลกุมารผู้เปนสามี
พากุลกุมารก็ขึ้นขี่อาชาไนยตรงไปยังราชตระกูล ครั้นถึงจึงลงจากอาชาเข้าไปเฝ้าพระเจ้าพาราณสี ถวายบังคมแล้วทูลถามว่า ข้าแต่สมมติเทวราช ข้าพระบาทได้ทราบเกล้าว่า มีรับสั่งให้ข้าพระบาทผู้ทุคคตะอนาถานำอาชามาวิ่งแข่งขันกับม้าหลวงหรือ พระพุทธเจ้าข้า
พระเจ้าพาราณสีตรัสว่า เออ จริงดังนั้นและ มีพระราชดำรัสตอบดังนี้แล้ว จึงตรัสบังคับอำมาตย์ผู้หนึ่งว่า ดูกรพระนาย ท่านจงไปนำเอาม้าของเรามาบัดนี้
อำมาตย์นั้นรับพระราชโองการแล้ว ก็ตรงไปยังโรงม้าหลวง เลือกได้อาชาตัวหนึ่งซึ่งพ่วงพีมีกำลังมาก แล้วนำมาถวายพระเจ้า