พระโพธิสัตว์เห็นสุนัขทำกาลกิริยาตาย ก็ไม่สามารถที่จะอดกลั้นความโศกไว้ได้ ก็ร้องไห้ปริเทวนาการรำพรรณด้วยวาจา จึงกล่าววิลาปคาถาทั้งหลายว่า
อโห ทุกฺขํ โข วตาหํ | อยํ สหาโย มมญฺจ | |
อิทานิ โก สหาโย จ | กถํ โข เอโกว คจฺฉติ | |
สุนข มม สหาย | กุหึ เอกโก คโตสิ | |
อิทานาหํ คมิสฺสามิ | เกน มคฺเคน วิจรนฺโต | |
หทยปริฬาโหหํ | กถํ หทยํ วูปสเม ฯ |
ความว่า โอเรานี้ประกอบไปด้วยความทุกข์จริงหนอ สุนัขตัวนี้เปนเพื่อนของเราด้วย ที่นี้ ใครเล่าจะเปนเพื่อนของเรา เราจะได้ใครเปนเพื่อนเดิรทางในกลางมรรคา เราผู้เดียวเท่านั้นจะไปตามนางสุขุมาอัณฑาอย่างไรได้ ดูกรสุนัขผู้เปนสหายของเรา เจ้ามาทิ้งเราไว้ไปแต่ผู้เดีย วเจ้าไปอยู่ณที่ไหน บัดนี้ เราจะเที่ยวไปโดยหนทางอะไรเล่า เรานี้มีหทัยอันเร่าร้อนเหลือที่จะทนทาน ใครจะพึงระงับความกระวนกระวายของเราได้ เราเปนคนอนาถาแท้ ๆ เที่ยวอยู่แต่ผู้เดียว ไม่มีใครเปนเพื่อนในหนทางอันเปลี่ยวเลย
ฝ่ายหมู่ญาติทั้งหลายของพากุลกุมารโพธิสัตว์ ซึ่งตายไปอุบัติบังเกิดในดาวดึงสพิภพนั้นมีอยู่ เพราะเหตุฉนั้น เทวบุตรผู้เปนญาติองค์หนึ่งเห็นพากุลกุมารร่ำปริเทวนาการอยู่อย่างนั้น ก็มีจิตต์อันประถอบไปด้วยความกรุณา จึงลงมาจากเทวโลก นฤมิตอัตภาพ