หน้า:ปัญญาส (๑๖) - ๒๔๗๑.pdf/34

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
31
๕๐ พากุลชาดก

แต่พากุลกุมารโพธิสัตว์เดิรทางไปโดยอานุภาพของเทวดาที่แปลงเพศมาดังกล่าวแล้วนั้น สิ้นระยะทางอันไกลได้ ๒๑ โยชน์เปนประมาณ

ในลำดับนั้น ท้าวมัฆวานสักกเทวราชจึงลงมาจากสวรรค์ นฤมิตทิพกายให้มีรัศมีพร้อยพรายประหนึ่งว่าหิ่งห้อย ไปสู่สำนักพระโพธิสัตว์ยืนอยู่ แล้วกล่าวคาถาว่า

มหาปุริส ตุมฺหญฺจ ภริยา มม อวทา
ตุวํ มคฺค วทตฺถาย สตฺตกุฏํ คมิสฺสามิ

ความว่า ดูกรมหาบุรุษ ภรรยาของท่านเขาได้สั่งเราไว้เพื่อให้บอกหนทางแก่ท่าน บัดนี้ เราจักไปยังเมืองสัตตกุฏนคร

ท้าวสักกเทวราชกล่าวคาถาดังนี้แล้ว จึงพาพระโพธิสัตว์ไปสิ้นระยะทางได้ ๗ โยชน์ ก็ถึงฝั่งสระโบกขรณีสระหนึ่ง ในสระโบกขรณีนั้นระดาดาษไปด้วยดอกประทุม แลดอกกระมุท แลดอกอุบลทั้งหลาย ที่บริเวณสระนั้นประดับไปด้วยต้นไม้ทั้งหลายอันมีดอกแลผลต่าง ๆ กัน น้ำในสระนั้นมีกลิ่นอันหอมฟุ้งด้วยสุคนธชาติ ควรเปนราชบริโภคแลเทวบริโภค บุคคลอื่นที่เปนสามัญไม่ควรบริโภค ที่ขอบสระนั้นแวดล้อมไปด้วยต้นอโสกพฤกษ์ทั้งปวง แลมีเรือนหลวงเปนตำหนักตั้งอยู่หลังหนึ่ง เพราะเหตุนั้น เมื่อท้าวสักกเทวราชพาพระโพธิสัตว์พากุลกุมารไปถึง จึงให้พระโพธิสัตว์เข้าไปพักอยู่ณตำหนักหลวงนั้น แล้วจึงกล่าวคาถาว่า

อิธ วสตุ กุมาร สฺเว ตโย ทาสี อาคมฺม
อุทกญฺจ อาหริตุํ ตฺวํ ตโย ปุจฺฉสฺสุ การณํ ฯ