หน้า:ปัญญาส (๑๖) - ๒๔๗๑.pdf/41

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
38
ปัญญาสชาดก

ดำริห์ว่า เราจักไปเมืองพาราณสี จักไปดูหน้าพระราชาผู้ลามกมักมากในกาลนี้ ดำริห์ดังนี้แล้ว จึงปรึกษากับนางสุขุมาอัณฑาผู้เปนอัคมเหษี ๆ จึงทูลว่า ที่ทรงพระดำริห์นี้ดีแล้ว หม่อมฉันจักขอตามเสด็จไปด้วย กษัตริย์ทั้งสองปรึกษากันแล้ว ครั้นรุ่งขึ้นเช้า จึงพากันไปเฝ้าพระราชบิดา ทูลเหตุที่จะไปนั้นให้ทรงทราบ

พระราชบิดามารดาทั้งสองทรงอนุญาตแล้วตรัสกำชับว่า เจ้าทั้งสองจะไปนั้น จงเอาสหัสสถามธนูไปด้วย แล้วจงขึ้นอัศวราชพากันไปยังเมืองพาราณสี

กษัตริย์ทั้งสองได้รับอนุญาต ก็มีความยินดี จึงพร้อมกันถวายอภิวาทพระราชบิดามารดา แล้วพากันลงจากปรางค์ปราสาท จึงให้นำอัศวราชซึ่งมีกำลังกล้าหาญมาตัวหนึ่ง แล้วพากันขึ้นนั่งบนหลังอัศวราชอาชาไนย ขับอาชาไนยตรงไปยังเมืองพาราณสี สิ้นมรรคาวิถีประมาณ ๒๗ โยชน์ ก็ถึงเรือนกระท่อมในที่นาซึ่งเคยอยู่มาแต่ก่อน

แท้จริง พระยาอัสดรที่เปนพาหนะนั้นประกอบด้วยกำลังอันสามารถอาจไปสิ้นระยะทางได้ ๑๐๐ โยชน์ เพราะเหตุนั้น พอเพลาสายัณหสมัยจึงได้พาสองกษัตริย์ไปยังเมืองพาราณสี

ฝ่ายคามโภชกคนพาล เมื่อได้เห็นพากุลกุมารโพธิสัตว์อันมาในที่นั้น จึงนำความไปกราบทูลพระเจ้าพาราณสีว่า ข้าแต่สมมติเทวราช บัดนี้ พากุลกุมารไปได้เครื่องอลังการแต่พระราชาองค์ใดองค์หนึ่งมา ประดับกายกับทั้งภรรยาพากันขึ้นอาชามาในเมืองนี้ ถ้าละทิ้งไว้ให้เนิ่นช้า พลนิกายของพระราชานั้นก็จะยกมาแวดล้อมเมืองพาราณสีเปนมั่นคง