หน้า:ผีสางเทวดา (เสฐียรโกเศศ, 2495).pdf/14

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว

เป็นเทพารักษ์ เพื่อให้ผิดกันเสีย ในที่สุด ความหมายของคำว่า ผี ของเดิมในภาษาไทย ก็ใช้แคบเข้า ใช้ไปในทางผีร้ายผีเลวทางเดียว คงเหลือคำว่า ผี ที่ยังมีความหมายว่า เป็นผีดี คือ ผีปู่ย่าตายาย หรือผีเรือน จะเปลี่ยนเรียก เทวดา ก็ติดขัด เพราะจะไปเสมอเข้ากับผีบรรพบุรุษของ้ทาวพระยามหากษัตริย์ซึ่งเรียกว่า เทวดา อันที่จริง ที่แบ่งผีดีว่า เทวดา และผีเลวว่า ปิศาจ ก็เป็นแบ่งเอาอย่างคน ถ้าไม่มีคน ผีก็ไม่มีเป็นชั้น ๆ อย่างนี้ มีก็แต่พวกผีเท่านั้น

ถ้าจะถามข้าพเจ้าว่า ผีที่กล่าวมานี้มีจริงหรือไม่มีจริง ข้าพเจ้าก็ต้องตอบว่า ไม่ทราบ เพราะท่านกล่าวว่า “ถ้าอยู่เฉพาะหน้าสิ่งที่ไม่รู้หรือรู้ไม่ได้ ผู้เป็นปราชญ์ว่า ควรนิ่ง ไม่มีความเห็น” แต่อย่างไรก็ดี ถ้าที่ใดมัวซัวเป็นเวลาค่ำคืนขมุกขมัวหรือมืดตื้อ และเป็นที่เปล่าเปลี่ยวเงียบสงัด เป็นที่ว่เหว่น่าประหวั่นพรั่นใจ ที่นั่นมักมีผี ถ้าที่ใดสว่างไสว หรือเป็นเวลากลางวัน มีคนอยู่พลุกพล่านจอแจ มีเสียงอึกทึกตึงตัง ที่นั้น แม้มีผี เช่น ในศาล ก็จะไม่ปรากฏให้เห็นตัว เหตุนี้ จะให้เห็นผี ต้องมีความมืดและความเงียบ จึงอาจจะเห็นได้ ที่ในลัทธิศาสนามีจุดเทียน จุดไฟ มีสีแดงซึ่งเป็นสีไฟ มีตีฆ้อง ตีกลอง หรือจุดประทัดในพิธี ก็เพื่อให้ผีร้ายเห็นความสว่างรุ่งเรืองและเสียงครึกโครม ก็กลัว ไม่กล้ำกรายเข้ามา เหตุไรสีแดง ผ้าแดง จึงเป็นสีมงคลและเป็นสีของเจ้า ก็เพราะเป็นสีของไฟ ผีและสิ่งที่เรายกให้ผี คือ อัปรีย์จัญไร จึงกลัว ไม่กล้าเข้ามา จึงเป็นมงคล เสียงก็เช่นเดียวกัน ยิ่งเป็นเสียงปืน เสียงประทัด ด้วยแล้ว ผีก็ไม่ชอบ ได้ยินเสียงก็หนีไป เหตุนี้ ประทัดที่ชาวจีนใช้จึงเป็นทั้งมงคลและไม่มงคล จุดประทัดต้อนรับก็เป็นมงคล และในคราวเดียว ก็เพื่อให้สิ่งไม่มงคลตกใจหนีไป อย่างเดียวกับเมื่อก่อนนี้ ยิงปืนอาฏานาในวัน