เสด็จทรงช้างต้นพลายไชยมงคลเปนราชพาหนะ ประดับเครื่องคชาภรณ์อลังการ เคลื่อนพยุหโยธาหาญโดยขบวนซ้ายขวาน่าหลัง พลดาบดั้งโตมรสลอน พลเสโลห์ทวนทองรยาบ พลดาบเขนเปนขนัดริ้วราย ดูสุดสายตาไสว เถือกธงไชยธงฉานวาลวิชนีกลิ้งกลดบดบังแสงทินกรไพโรจนโชตนาการพันฦก อธึกดูพร้อมพรั่งดาษดา ร้อนแรมมาโดยสถลมารค ข้ามแม่น้ำเมาะตมะเข้าทางเมืองกำแพงเพ็ชร เสด็จถึงกรุงพระนครศรีอยุทธยาณวัน ๓ ๑๔ฯ ๑ ค่ำ สมเด็จพระเจ้าหงษาวดีตั้งค่ายหลวงตำบลบางปหัน พระมหาอุปราชาตั้งค่ายกุ่มดอง พระเจ้าแปรตั้งค่ายสีกุก พระเจ้าเชียงใหม่ตั้งค่ายตำบลวัดสังฆาวาศ.
๏สมเด็จพระนเรศวรเปนเจ้าตรัศทราบว่า ทัพพระเจ้าหงษาวดียกมา ก็ทรงม้าทวนกับทหารสามกอง ๆ หนึ่งยี่สิบสองคน กองหนึ่งสี่สิบสองคน กองหนึ่งเจ็ดสิบสองคน ขี่ม้าถือทวนครบมือยกออกไป กองน่าข้าศึกออกมารบ ทหารกรุงเทพมหานครตีแตกฉานเข้าไป สมเด็จพระนเรศวรเปนเจ้าทรงคาบพระแสงดาบกับทหารปีนค่ายขึ้นไป ข้าศึกในค่ายเอาทวนแทนพลัดตกลงมาเปนหลายครั้งขึ้นมิได้ ทรงม้าพระที่นั่งกลับเข้าพระนคร ข้าศึกเอาการซึ่งได้รบพุ่งไปกราบทูลสมเด็จพระเจ้าหงษาวดี ๆ ตรัศถามเสนาบดีว่า พระนเรศวรออกมาทำเปนอย่างทหารดังนี้ เหมือนหนึ่งเอาพิมเสนมาแลกเกลือ พระราชบิดานั้นจะรู้ฤๅหาไม่ เสนาบดีกราบทูลว่า เห็นพระราชบิดาจะไม่รู้ ถ้ารู้แล้ว เห็นจะมิให้ออกมาทำ สมเด็จพระเจ้าหงษาวดีจึงตรัศว่า พระนเรศวรทำศึกอาจหาญนัก ถ้าออกมาอิก ถึงมาทแม้นเราจะเสียทหารมาก ก็จะแลกเอาตัวให้จงได้ แล้วสั่งให้จัดทหารที่มีฝีมือสันทัดทุกทัพทุกกองให้ได้หมื่นหนึ่ง เอาไป