ข้ามไปเนื้อหา

หน้า:พงศาวดาร (หัตถเลขา) - ๒๔๕๕ (๑).djvu/319

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๒๕๖

พุทธเจ้าทั้งปวงนั้นก็ไว้ให้แห่พระพุทธเจ้าขึ้นมา ครั้นถึงเพลาชายแล้วสองนาฬิกาห้าบาท สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวก็ทรงเครื่องสรรพาภรณ์วรวิภูษิตากาญจนเสร็จ แล้วเสด็จทรงพระที่นั่งบุษบกรัตนมหาพิมานอันอลังการเรือไชยสุพรรณหงษ์พยุหบาตรา คลาเคลื่อนโดยขบวนเสด็จประเวศมาประทับท่าขนานมหาวาสุกรี คอยทอดพระเนตรขบวนแห่พระพุทธปฏิมากรอันมเหาฬาราดิเรกด้วยเรือต้นทั้งปวงนั้น ครั้นเรือพระพุทธปฏิมากรบรรทับขนานแล้ว ก็อัญเชิญพระพุทธปฏิมากรเสด็จทรงพระคชาธารแห่กลับไปประดิษฐานไว้ณพระศรีสรรเพชดาราม แล้วให้ตั้งการสมโภชเล่นมหรศพ ๗ วัน มโหฬารยิ่งนัก.

ครั้นณวัน ค่ำ ทูตานุทูตเมืองล้านช้าง เมืองตองอู เข้าเฝ้ากราบถวายบังคมลา พระราชทานรางวัลแก่ทูตทั้งสองเมืองเปนอันมาก ฝ่ายทูตานุทูตต่างคนต่างกลับไปเมือง อันพระเกียรติพระยศแผ่ไพศาลไป ทุกนานาประเทศธานีใหญ่น้อยทั้งปวงก็เกรงพระเดชเดชานุภาพเปนอันมาก พระนครศรีอยุทธยาครั้งนั้นเกษมศุขสมบูรณ์ยิ่งนัก.

ลุศักราช ๙๕๗ ปีมแม สัปตศก ทรงพระกรุณาตั้งพระราชกำหนดกฎหมายพระไอยการ แลส่วยสัดพัฒนากรขนอนตลาด แลพระกัลปนา ถวายเปนนิตยภัตรแก่สังฆารามคามวาสีอรัญวาสีบริบูรณ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชบุตรสองพระองค์ องค์หนึ่งทรงพระนาม เจ้าฟ้าสุทัศน พระอชุนาทรงพระนาม เจ้าฟ้าศรีเสาวภาคย์ ๆ ประชวรพระยอดเสียพระเนตรข้างหนึ่ง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึ่งยกพระราชบุตรผู้พี่ขึ้นเปนพระมหาอุปราช อยู่มา ๔ เดือนเศษ พระมหาอุปราชกราบทูลพระกรุณาว่า จะขอพิจารณาคนออก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว