ทั้งนั้นกราบแล้วว่า อันพระกรุณาว่านี้ควรหนักหนา เจ้าพระยากลาโหมสุริวงษ์ดูท่วงทีขุนนางทั้งปวง เห็นยังไว้อารมณ์เปนกลางอยู่ มิลงใจเปนแท้ จึงร้องสั่งทลวงฟันให้กุมเอาตัวขุนมหามนตรีแลบ่าวไพร่ซึ่งพายเรือมานั้นไว้ให้สิ้น ทลวงฟันก็กรูกันจับเอาขุนมหามนตรีแลไพร่ไปคุมไว้ ขุนนางทั้งปวงเห็นดังนั้น ต่างคนตกใจหน้าซีดลงทุกคน เจ้าพระยากลาโหมสุริวงษ์เห็นดังนั้นจึงว่า บัดนี้ พระเจ้าแผ่นดินว่า เราทำการประชุมขุนนางพร้อมมูลทั้งนี้คิดการกระบถ ก็ท่านทั้งปวงซึ่งมาช่วยโดยสุจริตนั้นจะมิพลอยเปนกระบถด้วยฤๅ ขุนนางทั้งปวงพร้อมกันกราบเรียนว่า เปนธรรมดาอยู่แล้ว อุประมาเหมือนนิทานพระบรมโพธิสัตวเปนนายสำเภา คนทั้งหลายโดยสานไปค้า ใช้ใบไปถึงท่ามกลางมหาสมุท ต้องพยุใหญ่ สำเภาจะอับปางอยู่แล้ว บรมโพธิสัตวจึงคิดว่า ถ้าจะนิ่งอยู่ดังนี้ ก็จะพากันตายเสียสิ้นทั้งสำเภา จึงตั้งสัตย์อธิษฐานว่า ถ้าอาตมาจะสำเร็จแก่พระบรมโพธิญาณ ขออย่าให้สำเภาอับปางในท้องพระมหาสมุทเลย เดชะอานุภาพบารมีบรมโพธิสัตว สำเภาก็มิได้จลาจล แล่นล่วงไปถึงประเทศธานีซึ่งจะไปค้านั้น ก็เหมือนกาลอันเปนครั้งนี้ ถ้าเท้าพระกรุณานิ่งตาย คนทั้งหลายก็จะพลอยตายด้วย ถ้าเท้าพระกรุณาคิดการรอดจากความตาย คนทั้งปวงก็จะรอดด้วย เจ้าพระยากลาโหมสุริวงษ์ได้ฟังขุนนางว่าดังนั้นหัวเราะแล้วว่า เจ้าแผ่นดินว่า เราเปนกระบถแล้ว เราจะทำตามรับสั่ง ท่านทั้งปวงจะว่าประการใด ขุนนางทั้งปวงกราบแล้วจึงว่า ถ้าเท้าพระกรุณาจะทำการใหญ่จริง ข้าพเจ้าทั้งปวงจะขอเอาชีวิตรสนองพระคุณตายก่อน เจ้าพระยากลาโหมสุริวงษ์เห็นขุนนางลงใจพร้อมโดยสุจริต ก็จัดแจงเปนหมวดเปนกองกำหนดกฎหมายกัน
หน้า:พงศาวดาร (หัตถเลขา) - ๒๔๕๕ (๑).djvu/326
หน้าตา