แล้ว เจ้าพระยากลาโหมสุริวงษ์ออกไปตั้งการปลงศพณวัดกุฏ ข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือนผู้ใหญ่ผู้น้อยออกไปช่วย นอนค้างอยู่เปนอันมาก ฝ่ายข้าหลวงเดิมพระเจ้าอยู่หัวกราบทูลยุยงเปนความลับว่า เจ้าพระยากลาโหมสุริวงษ์ทำการครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก หากเอาการศพเข้ามาบังไว้ เห็นทีจะคิดประทุษฐร้ายต่อพระองค์เปนมั่นคง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมิได้มีวิจารณให้ถ่องแท้ ตกพระไทย ตรัศให้ชาวป้อมล้อมพระราชวังขึ้นประจำน่าที่ แล้วเตรียมทหารในไว้เปนกองกอง จึงดำรัศให้ขุนมหามนตรีออกไปหาตัวเจ้าพระยากลาโหมสุริวงษ์เข้ามา ขณะนั้น จมื่นสรรเพธภักดีสอดหนังสือลับไปก่อนว่า พระโองการจะให้หาเข้ามาดูมวย บัดนี้ เตรียมไว้พร้อมอยู่แล้ว เมื่อเจ้าคุณจะเข้ามานั้น ให้คาดเชือกเข้ามาทีเดียว ครั้นขุนมหามนตรีออกไปถึง กราบเรียนว่า พระโองการให้หา เจ้าพระยากลาโหมสุริวงษ์แจ้งการซึ่งจมื่นสรรเพธภักดีบอกไปสิ้นอยู่แล้ว จึงว่าขึ้นท่ามกลางขุนนางทั้งปวงว่า เราทำราชการกตัญญูแต่ครั้งพระพุทธเจ้าหลวงมา ท่านทั้งปวงก็แจ้งอยู่สิ้นแล้ว เมื่อพระพุทธเจ้าหลวงสวรรคตแล้ว ถ้าเรารักราชสมบัติ ท่านทั้งหลายเห็นจะพ้นเราเจียวฤๅ ขุนนางทั้งปวงกราบแล้วจึงว่า ราชการทั้งปวงก็สิทธิ์ขาดอยู่แก่เท้าพระกรุณาสิ้น ที่จะมีผู้ใดขัดแขงนั้น ข้าพเจ้าทั้งปวงเห็นไม่มีตัวแล้ว เจ้าพระยากลาโหมสุริวงษ์จึงว่า ท่านทั้งปวงจงเห็นจริงด้วยเราเถิด เรากตัญญู คิดว่า เปนลูกเจ้าเข้าแดง จึงเปนต้นคิดอ่านปฤกษามิให้เสียราชประเพณี ยกราชสมบัติถวายแล้ว ยังหามีความดีไม่ ฟังแต่คำคนยุยง กลับจะมาทำร้ายเราผู้มีความชอบต่อแผ่นดินอิกเล่า ท่านทั้งปวงจะทำราชการไปข้างน่า จงเร่งคิดเถิด ขุนนาง
หน้า:พงศาวดาร (หัตถเลขา) - ๒๔๕๕ (๑).djvu/325
หน้าตา