ข้ามไปเนื้อหา

หน้า:พงศาวดาร (หัตถเลขา) - ๒๔๕๕ (๓).djvu/393

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๓๔๘

ปีมโรง อัฐศก จุลศักราช ๑๐๙๘ ณกรุงเทพทวาราวดีศรีอยุทธยา มีนิวาศฐานอยู่ภายในกำแพงพระนครเหนือป้อมเพ็ชร์ ครั้นปีฉลู นพศก จุลศักราช ๑๑๑๙ พระชนมายุครบ ๒๑ ปี เสด็จออกทรงพระผนวชเปนภิกษุอยู่วัดมหาทลายพรรษา ๑ แล้วลาผนวชเข้ารับราชการเปนมหาดเล็กหลวงในพระเจ้าแผ่นดินที่ ๓๓ ซึ่งปรากฎพระนามเรียกเปนสามัญว่าขุนหลวงดอกมะเดื่อนั้น ครั้นต่อมาพระองค์ได้วิวาหมงคลกับธิดาในตระกูลเศรษฐีที่ตำบลอัมพวา แขวงเมืองสมุทสงคราม อยู่ต่อพรมแดนเมืองราชบุรี จึงเสด็จออกไปรับราชการอยู่ในเมืองราชบุรี ได้เปนตำแหน่งหลวงยกรบัตรเมื่อพระชนมพรรษา ๒๕ ปี.

ครั้นเมื่อกรุงเทพทวาราวดีศรีอยุทธยาเสียแก่พม่าข้าศึกแล้ว เจ้าตาก (สิน) ตั้งเมืองธนบุรีขึ้นเปนราชธานี จึงเสด็จเข้ามารับราชการในกรุงธนบุรีเมื่อปีชวด สัมฤทธิศก จุลศักราช ๑๑๓๐ พระชนม์ได้ ๓๒ พรรษา ได้เปนตำแหน่งที่พระราชรินทร์ในกรมพระตำรวจ ได้รับราชการเปนกำลังของเจ้ากรุงธนบุรีทำการศึกสงครามต่อมา คือ ครั้งที่ ๑ ในปีชวด สัมฤทธิศกนั้น ได้เสด็จมาคุมกองทัพกอง ๑ ไปตีด่านขุนทด แขวงเมืองนครราชสีมา ซึ่งเจ้าพิมายให้พระยาวรวงษาธิราชมาตั้งรับทัพกรุงธนบุรีอยู่ ตีด่านขุนทดแตกแล้ว ยกตามพระยาวรวงษาธิราชลงไป ตีได้เมืองนครเสียมราฐอิกเมือง ๑ เมื่อเสร็จศึกเมืองนครราชสีมาครั้งนั้น ได้เลื่อนตำแหน่งยศเปนพระยาอไภยรณฤทธิ์ จางวางกรมพระตำรวจ โดยความชอบ ครั้งที่ ๒ ปีฉลู เอกศก จุลศักราช ๑๑๓๑ ได้เปนแม่ทัพเสด็จไปตีเมืองเขมร ตีได้เมืองพระตะบองแลเมืองนคร