หน้า:พรก หมิ่นประมาท รศ ๑๑๘.pdf/1

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
วันที่ ๙ เมษายน ๑๑๘
เล่ม ๑๖ น่า ๑๘
ราชกิจจานุเบกษา

ตราราชโองการ
ตราราชโองการ
พระราชกำหนด
ลักษณหมิ่นประมาทด้วยการพูด
ฤๅเขียนถ้อยคำเท็จออกโฆษนาการ
รัตนโกสินทร์ศก ๑๑๘

ศุภมัสดุ พระพุทธสาสนกาลเปนอดีตภาคล่วงแล้ว ๒๔๔๑ พรรษา ปัตยุบันกาล จันทรคตินิยม จุลศักราชยังเปน ๑๒๖๐ วราหะสังวัจฉระ จิตรมาศ กฤษณปักษ นะวะมีดิถี สุริยคติวิธี ลุรัตนโกสินทร์ศก ๑๑๘ เมษายนมาศ จะตุตถะมาสาหคุณพิเศษ ภุมวาร ปัญจมรัชกาลทวัตติงสะติมะสังวัจฉระทวาธิกสะตุตตะระสะหัสสะมุปะริทะศะสะหัสสิมะทิวสะเขตร ปริเฉทกาลกำหนด

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพยมหามงกุฎ บุรุศยรัตนราชรวิวงษ์ วรุตมพงษ์บริพัตร วรขัติยราชนิกโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ บรมธรรมิกมหาราชาธิราช บรมนารถบพิตร พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระคุณธรรมอันมหาประเสริฐ เสด็จออกณพระที่นั่งจักกรีมหาปราสาทบรมราชพิมานโดยสฐานอุตราภิมุขภายใต้พระมหานพปดลเสวตรฉัตรเหนือรัตนบรรยงก์ พร้อมด้วยพระบรมวงษานุวงษ์แลเสนาบดีรัฐมนตรีองคมนตรีข้าทูลลอองธุลีพระบาทกระวีชาติราชบริพารฝ่ายทหารพลเรือนเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทบงกช โดยกำหนดตำแหน่งเปนอันดับกัน

จึงมีพระบรมราชโองการดำรัสเหนือเกล้าฯ ให้ประกาศให้ทราบทั่วกันว่า แต่ก่อนมา ก็มีพระราชกำหนดกฎหมายสำหรับลงโทษแลปรับไหมกันในการกล่าวถ้อยคำวาจาหยาบช้าด่าประจานกันต่าง ๆ ด้วยปากให้เปนที่อับอายอดสู เมื่อผู้ใดกระทำผิดล่วงละเมิดต่อพระราชกำหนดกฎหมายนี้ ก็ต้องรับโทษฤๅถูกปรับไหมตามโทษานุโทษไปส่วนหนึ่ง อยู่มาภายหลัง บ้านเมืองวัฒนาการรุ่งเรืองเจริญมากขึ้นกว่ากาลก่อน อาณาประชาราษฎรทั้งหลายก็มีความเปนอิศรภาพแก่ตัวขึ้นมาก จนมีโอกาศแสดงความเห็นของตนโดยเรียบเรียงแต่งเปนหนังสือวินิจฉัยความเปนไปในทางราชการรักษาบ้านเมืองบ้าง ความประพฤติดีและชั่วของข้าราชการบ้าง และความประพฤติดีและชั่วของอาณาประชาราษฎรบ้าง แล้วเอาออกประกาศโฆษณา เขียนลงในหนังสือบัตรสนเท่ห์ทิ้งบ้าง ส่งไปลงในหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ บ้าง ให้รู้ทั่วกันโดยไม่ต้องมีความหวั่นหวาดแก่ความผิดร้ายอย่างไร การเช่นนี้มีคุณบ้างก็มี มีโทษบ้างก็มี ส่วนที่มีคุณนั้น คือ ผู้กล่าวนั้นแสดงความเห็นของตนโดยน้ำใจสุจริตปราศจากความรักและความโกรธ มิได้มีความเจตนาหาแต่ความชั่วร้ายอันไม่จริงมาใส่โทษท่านให้เปนที่เสื่อมเสียชื่อเสียงและเกียรติคุณความดีไป ส่วนที่มีโทษนั้น คือ ผู้ที่กล่าวนั้นแสดงความเห็นของตนโดยน้ำใจอันทุจริตกอบไปด้วยความรักแลความโกรธ มิได้มีความเจตนาต่อประโยชน์อันดีแก่บ้านเมืองและประชาชนทั่วไป หากมีใจอาฆาฏท่านอยู่แล้วตบแต่ง