หน้า:พรก หมิ่นประมาท รศ ๑๑๘.pdf/2

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
เล่ม ๑๖ น่า ๑๙
วันที่ ๙ เมษายน ๑๑๘
ราชกิจจานุเบกษา

ความชั่วร้ายอันไม่จริงมาใส่โทษท่านให้เปนที่เสื่อมเสียชื่อเสียงและเกียรติคุณความดีไป

ครั้นอยู่มาในรัชกาลที่ ๔ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ออกประกาศว่าด้วยทิ้งหนังสือและลงหนังสือพิมพ์ ใจความว่า คนที่เขียนหนังสือทิ้งฤๅส่งไปลงหนังสือพิมพ์กล่าวนินทาว่าประจานคนอื่นนั้น ส่อความพิรุธของตนเองว่า ข้อความที่ตนกล่าวนั้นเปนความไม่จริง ถ้าจริงแล้ว ทางที่จะว่านั้นก็ยังมีอยู่ คือ ที่โรงศาลฤๅทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาได้โดยเปิดเผยไม่ห้าม เมื่อผู้ใดทิ้งหนังสือฤๅส่งหนังสือไปลงในหนังสือพิมพ์นั้น ถึงว่าจะปักหน้าค่าชื่อฤๅกล่าวโทษบ้านเมืองต่าง ๆ ก็จะไม่ทรงชำระสะสางให้ แต่ความในประกาศนี้ยังหามีข้อบัญญัติไว้ไม่ว่า การที่ทิ้งหนังสือฤๅส่งหนังสือไปลงในหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ กล่าวนินทาว่าประจานกันด้วยความเท็จนั้นจะเปนความผิดฤๅไม่ผิด และจะควรมีโทษฤๅไม่ควรมีโทษ เหตุฉนี้ จึงทรงพระราชดำริห์เห็นสมควรจะให้มีพระราชกำหนดกฎหมายขึ้นไว้ให้เปนบันทัดสำหรับวินิจฉัยข้อคดีวิวาทซึ่งจะเกิดในการเช่นนี้ต่อไปภายน่า

จึงมีพระบรมราชโองการดำรัสเหนือเกล้าฯ สั่งให้ตราพระราชกำหนดขึ้นไว้ ต่อไปดังนี้

มาตราพระราชกำหนดนี้ให้เรียกว่า พระราชกำหนดลักษณหมิ่นประมาทด้วยการพูดฤๅเขียนถ้อยคำเท็จออกโฆษณาการ รัตนโกสินทรศก ๑๑๘

มาตราพระราชกำหนดนี้ให้ใช้เปนกฎหมายทั่วพระราชอาณาเขตรสยามตั้งแต่

วันที่ได้ลงในพระราชกำหนดนี้เปนต้นไป

มาตราบันดาพระราชกำหนดกฎหมายเก่าบทใดซึ่งยังมิได้ให้ยกเลิกเสียนั้น ถ้าเปนการขัดขวางกับความในพระราชกำหนดนี้ในข้อใดข้อหนึ่งแล้ว ก็อย่าให้ยกเอาพระราชกำหนดกฎหมายบทนั้นมาลบล้างข้อความในพระราชกำหนดนี้ ให้ถือเสียว่า เหมือนดังได้ยกเลิกพระราชกำหนดกฎหมายบทนั้นเสียฉนั้น กับประกาศในรัชกาลที่ ๔ ซึ่งว่าด้วยการทิ้งหนังสือและลงหนังสือพิมพ์นั้น ก็ให้ยกเลิกเสียด้วยเหมือนกัน

มาตราผู้ใดหมิ่นประมาทพระผู้เปนเจ้าซึ่งดำรงสยามรัฐมณฑล ฤๅสมเด็จพระอรรคมเหสี ฤๅสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชก็ดี ฤๅสมเด็จพระมหากระษัตราธิราชเจ้าผู้ครองเมืองต่างประเทศ ฤๅมหาประธานาธิบดีผู้ครองเมืองต่างประเทศ ซึ่งมีทางพระราชสำพันธมิตรไมตรีอันสนิทด้วยกรุงสยามก็ดี โดยกล่าวเจรจาด้วยปาก ฤๅเขียนด้วยลายลักษณอักษร ฤๅกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง ในที่เปิดเผยท่ามกลางประชุมชนทั้งหลายด้วยกายวาจาอันมิบังควรซึ่งเปนที่แลเห็นได้ชัดว่า เปนการหมิ่นประมาทแท้ ท่านว่า ผู้นั้นกระทำผิด

เมื่อพิจารณาเปนสัตย์ว่า ผู้นั้นกระทำผิดต่อข้อห้ามดังเช่นกล่าวมานี้แล้ว ก็ให้จำคุก