หน้า:พระราชดำรัสฯ แก้ไขการปกครองแผ่นดิน - ๒๔๗๐.pdf/18

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว

พระคลัง สักแต่ว่ารับเบี้ยหวัดในกรมท่าเท่านั้น การซึ่งเจ้าพระยาพระคลังละวางตําแหน่งคลังคราวหนึ่งแล้วนั้น ภายหลังก็กลับเปนตําแหน่งคลังเข้าอีก แต่ไม่เปนคลังอย่างแต่ก่อน เปนเจ้าพนักงานว่าภาษีอากรเหมือนอย่างมหาดไทยกระลาโหม คงบังคับคลังเดิมอยู่แต่คลังราชการ ส่วนพระยาราชภักดีที่เปนผู้ทําการแทนเจ้าพระยาพระคลังมีอำนาจน้อยบังคับได้แต่ในพระคลังมหาสมบัติ ภาษีอากรเกิดขึ้นในมหาดไทยกระลาโหมกรมท่ากรมเมืองคลังสินค้า เงินส่วยหัวเมืองทั้ง ๓ กรม เงินค่านาค่าราชการตัวเลข ซึ่งเปนเงินสำหรับใช้จ่ายราชการแผ่นดินแยกไปอยู่ในกรมต่าง ๆ พระยาราชภักดีก็ไม่ทราบว่ามีจํานวนมากน้อยเท่าใดไม่มีอำนาจที่จะเร่งรัดตักเตือน สุดแต่มาส่งเท่าไรก็รับไว้เท่านั้น ตำแหน่งพระคลังจึงต้องนับว่าเปนอันไม่มี เพราะไม่มีผู้ที่จะรู้จำนวนเงินแผ่นดิน แลคอยเรียกเร่งรับจ่ายได้ทั่วไป เปนแต่ตําแหน่งพระคลังเที่ยวกระจายไปหลายหมู่หลายกรม เงินแผ่นดินก็มีแต่จะสาบสูญไปไม่ได้ ใช้ราชการ ส่วนเจ้าพระยาพระคลังกลายไปเปนผู้ว่าการต่างประเทศ การต่างประเทศมากขึ้น น่าที่อื่น ๆ ยังมีรุงรังอยู่มากคงเช่นว่ามาแล้ว ก็ไม่อาจจะทําการทั้งปวงให้ตลอดไปได้ ทิ้งรกรุงรังอยู่ให้เปนที่เสื่อมเสียไปในทางราชการ เพราะการปะปนสับสนกันอยู่ดังนี้

ส่วนจตุสดมภ์อีกตำแหน่งหนึ่ง คือกรมเมืองฤๅกรมพระนครบาลนั้นเปนน่าที่ที่ได้บังคับกองตระเวนซ้ายขวา แลขุนแขวงอำเภอกํานันในเขตรกรุง บังคับศาลพิจารณาความฉกรรจ์มหันตโทษ ซึ่งแบ่งเปน