หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
(๗)
โดยเสนหาแต่ในเวลาที่ผู้ให้ยังมีชีวิตร์อยู่ การให้ | |
มรดกนั้น หมายความว่า จะให้เปนสิทธิ์ต่อเมื่อผู้ให้ | |
ตาย ในการให้ทรัพย์มรดกนั้น กฎหมายบังคับ | |
โดยเฉภาะว่า ต้องให้โดยทำพินัยกรรม์ จะให้ | |
พินัยกรรม์ | โดยวิธีอื่นไม่ได้ พุกป่วยหนัก คิดว่า ตนจะตาย |
ได้ถวายลูกกุญแจตู้ทรัพย์ให้แก่พระลด โจทย์ แต่ | |
พุกหาได้ตายในครั้งนั้นไม่ พุกหายป่วย ต่อมาอีก | |
๔ เดือนจึงตาย ในระหว่างเมื่อหายป่วยแล้วนั้น | |
ฎีกา ๖๘๓/๑๒๓ | พุกก็ดี พระลดก็ดี หาได้แสดงให้เห็นว่า พระลด |
พระลด–ขุนรักษา | มีอำนาจในทรัพย์นั้นอย่างไรไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า |
"ทางที่พระลดจะมีอำนาจฟ้องเรียกทรัพย์สมบัติของ | |
พุกนั้น ก็มีแต่จะฟ้องเรียกเหมือนอย่างว่า เปนของยก | |
ให้โดยมีพินัยกรรม์เท่านั้น แต่เมื่อไม่มีพินัยกรรม์ | |
ที่จะสืบ ดังนั้นแล้ว พระลดก็ไม่ | |
มีอำนาจฟ้องได้" | |
ฎีกา ๕๕๙/๑๒๘ | การอุทิศมรดกถวายวัดนั้น ต้องอุทิศโดยมีพินัยกรรม์ |
น. ท้วม น. ยา | เหมือนกัน ถึงผู้รับเปนวัดก็ดี |
ผู้ใดมรณภาพ ถ้าแลหาภรรยาแลญาติผู้ซึ่งควร | |
จะได้รับมรดกไม่ได้เสียเลยทีเดียว ทรัพย์มรดก | |
ไม่มีผู้รับ | ทั้งหมดนั้น ให้ส่งเข้าท้องพระคลังหลวง เช่น ก. ตาย |
มรดก ๔๘, ๑๔ | บุตร์ภรรยา ก. เปนความมรดกกันในศาล ใน |
ระหว่างพิจารณา บุตร์ภรรยา ก. ตายตามกันหมด | |
แลปรากฎว่า ตระกูลของ ก. เปนอันสาบสูญ เช่นนี้ ศาล | |
จะส่งทรัพย์มรดกทั้งหมดนั้นไว้เปนของหลวง |