หน้า:รายงานการประชุม สร (๒๕๐๓-๐๘-๒๕).pdf/13

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๓๐๖๓

มาตราผู้ใดกระทำการค้าประเวณีในสถานการค้าประเวณี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตราผู้ใดเป็นเจ้าของกิจการ ผู้ดูแล หรือผู้จัดการสถานการค้าประเวณี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตราเจ้าของกิจการ ผู้ดูแล หรือผู้จัดการโรงแรม หอพัก สถานลีลาศ ไนท์คลับ คาบาเรท์ สถานนวดอบตัวหรืออาบน้ำผู้ใดยินยอมให้มีการกระทำอันเป็นการค้าประเวณีในสถานที่นั้น ๆ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตราผู้ใดกระทำการอันเป็นการค้าประเวณี โดยยอมรับการกระทำจากบุคคลเพศเดียวกัน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา๑๐เมื่อศาลได้พิพากษาให้ลงโทษผู้ใดตามมาตรา ๕ มาตรา ๖ หรือมาตรา ๙ แล้ว และผู้นั้นได้รับโทษตามคำพิพากษาแล้ว ถ้าปรากฏว่า ผู้นั้นเป็นโรคอันควรได้รับการรักษา หรือควรได้รับการอบรมฝึกอาชีพ หรือทั้งสองอย่าง อธิบดีมีอำนาจสั่งให้ส่งตัวผู้นั้นไปรับการรักษาและหรืออบรมฝึกอาชีพในสถานสงเคราะห์ มีเวลาตามที่อธิบดีกำหนด แต่มิให้เกินกว่าหนึ่งปีนับแต่วันที่บุคคลนั้นพ้นโทษ

มาตรา๑๑ให้กรมประชาสงเคราะห์จัดตั้งสถานสงเคราะห์สำหรับรักษาและอบรบฝึกอาชีพผู้รับการสงเคราะห์

มาตรา๑๒ให้รัฐมนตรีมีอำนาจออกข้อบังคับกำหนดการทำงานของผู้รับการสงเคราะห์ และกำหนดระเบียบวินัยซึ่งผู้รับการสงเคราะห์ต้องปฏิบัติ

ผู้รับการสงเคราะห์ผู้ใดละเมิดหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับที่รัฐมนตรีกำหนด ให้อธิบดีมีอำนาจลงทัณฑ์แก่ผู้รับการสงเคราะห์ คือ

(๑)กักบริเวณไม่เกินครั้งละสิบห้าวัน หรือ

(๒)ตัดหรือลดประโยชน์หรือความสะดวกที่สถานสงเคราะห์อำนวยให้

มาตรา๑๓เมื่ออธิบดีพิจารณาเห็นว่า ถ้าจะจัดให้ผู้รับการสงเคราะห์ไปทำงานหรือประกอบอาชีพอยู่ ณ ที่อื่นใดซึ่งอยู่นอกสถานสงเคราะห์ จะเป็นการเหมาะสมและเป็นผลดีแก่ผู้รับการสงเคราะห์ และเจ้าของสถานที่ยินยอมรับตัวไว้ ก็ให้อธิบดีมีอำนาจสั่งให้ส่งตัวไปทำงานหรือประกอบอาชีพ ณ สถานที่นั้นได้