หน้า:รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายฯ (2563-09-01).pdf/4

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว

แม้ว่าการร้องขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการจะไม่ประสบความสำเร็จในช่วง ๑๓ ครั้งแรก ฝ่ายผู้ต้องหาก็ยังไม่ลดละความพยายามในการร้องขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการโดยใช้พยานหลักฐานเท็จอีก โดยเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๒ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากผู้ต้องหาได้ยื่นร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด ขอให้สอบปากคำเพิ่มเติม พลอากาศโท จ. หรือนาย จ. ในประเด็นความเร็วของรถในขณะที่ผู้ต้องหาขับขี่รถยนต์ว่าขับขี่ด้วยความเร็วเท่าใดและในประเด็นอื่นที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาร้องขอความเป็นธรรมโดยพนักงานอัยการตามลำดับชั้นนั้น อัยการอาวุโส สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีร้องขอความเป็นธรรม ๒ ทำความเห็นให้มีการสอบเพิ่มเติม พลอากาศโท จ. นาย จ. พันตำรวจโท ธ. รองศาสตราจารย์ ส. รวมทั้งให้พิจารณารายงานการประชุมคณะกรรมาธิการครั้งที่ ๔๗/๒๕๕๙ ในขณะที่อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สำนักงานกิจการอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการในหน้าที่อัยการพิเศษฝ่ายคดีร้องขอความเป็นธรรม ๒ ทำความเห็นให้ยุติการร้องขอความเป็นธรรม เนื่องจากเห็นว่าพยานหลักฐานที่ผู้ร้องขอความเป็นธรรมเสนอไม่ใช่พยานหลักฐานใหม่อันสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงความเห็นและคำสั่งเดิมได้ ประกอบกับการที่ผู้ต้องหาเคยร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาหลายครั้งอาจเชื่อได้ว่าเป็นการประวิงคดี และผู้ต้องหาซึ่งอยู่ระหว่างการหลบหนีคดีมิได้มาร้องขอความเป็นธรรมด้วยตัวเองความเห็นนี้ได้รับการสนับสนุนโดยอัยการพิเศษฝ่าย สำนักงานคดีเยาวชนและครอบครัว รักษาการในต าแหน่งรองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีกิจการอัยการสูงสุด อย่างไรก็ตาม รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีกิจการอัยการสูงสุด รักษาการในตำแหน่งอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีกิจการอัยการสูงสุด กลับมีความเห็นคล้อยตามกับความเห็นของอัยการผู้ทาความเห็นชั้นต้น

นาย น. อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีศาลสูง รักษาการในตำแหน่งรองอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุด มีความเห็นเมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ให้มีการสอบพยานเพิ่มเติมโดยเจาะจงให้มีการสอบเพิ่มเติมเฉพาะพลอากาศโท จ. และนาย จ. เท่านั้น ซึ่งพยานทั้งสองปากนี้เคยถูกสอบไปแล้วในการร้องขอความเป็นธรรมหลายครั้งก่อนหน้า โดยที่ผู้พิจารณาการร้องขอความเป็นธรรมในแต่ละครั้งอันได้แก่รองอัยการสูงสุดหรืออัยการสูงสุดได้เคยพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วว่าเป็นพยานหลักฐานที่มีพิรุธและไม่น่าเชื่อถือ ภายหลังที่อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ได้มีการสั่งให้พนักงานสอบสวนทำการสอบปากคำเพิ่มตามคำสั่งของนาย น. และนาย น. ในฐานะรองอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นข้อหาเดียวที่เหลืออยู่เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๓

คณะกรรมการเห็นว่า การใช้อำนาจในการสั่งคดีร้องขอความเป็นธรรม และต่อมาการสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในคดีอาญาของนาย น. ในฐานะรองอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุด เป็นการใช้อำนาจและดุลพินิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและน่าเชื่อว่ามีเจตนาช่วยเหลือผู้ต้องหามิให้ต้องรับโทษ เพราะเหตุของการเจาะจงให้มีการสอบเพิ่มเติมและรับฟังเฉพาะพลอากาศโท จ. และนาย จ. ซึ่งเป็นพยานเคยถูกสอบไปแล้วในการร้องขอความเป็นธรรมหลายครั้งก่อนหน้า มิใช่พยานหลักฐานใหม่แต่อย่างใด นอกจากนั้น ผู้พิจารณาการร้องขอความเป็นธรรมในแต่ละครั้งอันได้แก่ รองอัยการสูงสุดหรืออัยการสูงสุดได้เคยพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วว่าเป็นพยานหลักฐานที่มีพิรุธและไม่น่าเชื่อถือ และนาย น. เชื่อคำพยานพลอากาศโท จ. เพียงเพราะเป็นข้าราชการระดับสูง แต่กลับไม่เชื่อเหตุผลและดุลพินิจของอดีตอัยการสูงสุดและรองอัยการสูงสุดที่สั่งให้ยุติการร้องขอความเป็นธรรมในทุกครั้งก่อนหน้า อีกทั้งไม่