หน้า:สามก๊ก - ๒๔๔๙.pdf/1367

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
72
เล่ม ๔
สามก๊ก

พระเจ้าโจยอยจึงตรัสว่า ซึ่งท่านจะห้ามเรามิให้ยกไปจับสุม้าอี้นั้น แม้สุม้าอี้มีกำลังมากขึ้นเปนขบถจริง ท่านจะคิดอ่านประการใด โจจิ๋นจึงทูลว่าพระองค์ตรัสนี้ก็ควรอยู่ แต่จะยกกองทัพไปบัดนี้ แม้สุม้าอี้รู้ตัวเห็นเราจะทำการยาก ขอพระองค์คิดกลอุบายว่าจะไปจัดแจงเมืองเสะเหลียงให้สุม้าอี้ๆจะสำคัญว่าจริงก็จะออกมาเฝ้าถึงนอกเมือง จะจับเอาตัวก็จะได้โดยง่าย

พระเจ้าโจยอยก็เห็นด้วย จึงสั่งให้โจจิ๋นจัดแจงทหารสิบหมื่น ตั้งขบวนแห่เสด็จออกจากเมืองฮูโต๋ว่า จะไปจัดแจงเมืองเสเหลียงให้สุม้าอี้ ฝ่ายสุม้าอี้แจ้งว่าพระเจ้าโจยอยเสด็จมาถึงแดนเมืองเสเหลียงก็มีความยินดี พาทหารห้าหมื่นออกมารับเสด็จ ขุนนางทั้งปวงจึงกราบทูลพระเจ้าโจยอยว่า เห็นสุม้าอี้เปนขบถแน่แล้วจึงยกทหารออกมาเปนอันมากฉนี้ พระเจ้าโจยอยได้ฟังดังนั้นก็ยิ่งแคลงพระไทย จึงให้โจฮิวคุมทหารเปนกองหน้ายกไปก่อน

ฝ่ายสุม้าอี้เห็นโจฮิวยกมา สำคัญว่าพระเจ้าโจยอยก็ตรงเข้าไปหวังจะรับเสด็จ โจฮิวจึงร้องว่าแก่สุม้าอี้ว่าท่านก็เปนขุนนางสัตย์ซื่อมาแต่ก่อน พระเจ้าโจผีก็ได้ฝากราชการแผ่นดินแก่ท่าน เหตุไฉนท่านจึงคิดขบถต่อพระเจ้าโจยอย สุม้าอี้ได้ฟังดังนั้นก็ตกใจจึงว่า ข้าพเจ้าตั้งใจทำราชการสนองพระคุณเจ้าโดยสุจริตเหตุใดท่านจึงว่าฉนี้ โจฮิวก็เล่าเนื้อความซึ่งราษฎรเอาหนังสือ เข้ากราบทูลพระเจ้าโจยอยนั้นให้ฟังทุกประการ

สุม้าอี้จึงว่าถ้ากระนั้นข้าพเจ้าจะไปเฝ้าพระเจ้าโจยอย ให้เห็นความจริงจงได้ สุม้าอี้ก็ให้ทหารซึ่งมาด้วยอยู่แต่ไกล แล้วลงจากม้าเดินเข้าไปถึงหน้ารถพระเจ้าโจยอย สุม้าอี้ถวายบังคมแล้วร้องไห้ทูลว่า เมื่อพระเจ้าโจผียังมีพระชนม์อยู่ ก็เห็นว่าข้าพเจ้าเปนคนสัตย์ซื่อต่อแผ่นดินจึงฝากราชการทั้งปวง ข้าพเจ้าก็ตั้งใจ