หน้า:เปิดกรุผีไทย (เหม เวชกร).pdf/254

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๙๔
 

ผมหลับไปอีกทั้ง ๆ ที่ใจหวั่น ๆ แต่ฤทธิ์เหล้าเถื่อนทำให้สบายหลับ ไปจนเข้าตรู่ แล้วพวกเราก็ต้องรีบดื่นและลงไปอาบน้ำที่ท่าน้ำ เตรียมตัว จะไปในพิธีตักบาตรกับเขาด้วย ผมแต่งตัวแล้วแต่ใจยังรวนเรอยู่ไม่กล้า จะไป เกรงจะวางหน้าเหลอ ๆ เพราะไม่รู้จักใคร แต่นายชุ่มว่าอย่ากลัว เลยมันเป็นตอนตักบาตรเกี่ยวกับการกุศล ทั้งบ้านนอกเขาชอบแขกมากๆ ยิ่งแขกมาจากกรุงเทพฯเขายิ่งดีใจว่าให้เกียรติแก่เขา และเป็นข้อใหญ่ ที่เป็นเอกของนายชุ่มชึ่งจัดว่าเป็นญาติกับบ้านงาน ผมเลยหมุนชัด เหล้าย้อมใจให้หน้าหนาอีกสองฉาด แกล้มด้วยมะยม เมื่อถึงบ้านงาน นายุ่มได้แนะนำผมแก่น้าเอมน้าสายให้รู้จักกัน เจ้าบ้านทั้งสองเป็นคนใจดีมาก รับรองผมเป็นกันเอง ส่วนนายมั่นนั้น เขารู้จักกันอยู่บ้างแล้ว น้าเอมใจขอบสนุกเป็นนักเลง ยกเหล้ามาเลี้ยงกัน ครู่เดียวเท่านั้นยังกับคุ้นเคยกันมานานปี เสียงดนตรีกระจับปี่สีซอดังมาทางน้ำด้านเหนือโน้น เป็นสัญญาว่าขบวน เจ้าบ่าวมาแล้ว ทางบ้านก็กระหน่ำฆ้องชัยขึ้นกระทึม ตอนตักบาตร ผมได้มีโอกาสดูเจ้าสาวผู้ต้นเหตุในการตายของนาย บุญได้อย่างถนัด เธอมีหน้าตาสวยอย่างเงียบ ๆ สมกับท้องที่ แต่ก้มหน้า เสมอไม่ค่อยสู้ตากับใคร ๆ เจ้าบ่าวพยายามเอาเปรียบในพิธีตักบาตร คง จะได้รับคำสอนไว้ว่าจะต้องจับทัพพีโดยให้มือของตัวทับมือเจ้าสาว ซึ่ง พออีกสักครู่หนึ่งเท่านั้น เป็นพิธีข่มนามกัน เขาจะมีอำนาจเหนือเจ้าสาวเสมอ ถ้าหากเผลอตัวถูก เจ้าสาวจับทับมือตัวก็จะแพ้อาถรรพ์กัน ผมมองแล้วก็ถอนใจปลงอนิจจัง เจ้าบ่าวน่ะรู้หรือเปล่าว่าการได้เปรียบในพิธีนั้นก็จริงแล้ว แต่ใจหญิงนั้น เป็นของคนอื่นอยู่ แม้แต่จะตายไปแล้วใจเธอก็คงจะฝังอยู่ อาถรรพ์ที่ทำ กันนั้นจะมีประโยชน์อะไร ทำไมหนอพิธีอย่างนี้ผู้ที่จะต้องเป็นผัวเมียกัน ในไม่กี่ชั่วโมงนี้จึงไม่หาพิธีชนิดที่ปรองดองกันโดยรักกันจนตายไม่เสื่อมคลาย แต่กลับมาต่างคนหาทางเอาเปรียบซึ่งกันและกันให้เกิดนิสัยเห็นแก่ตัว