หน้า:เปิดกรุผีไทย (เหม เวชกร).pdf/256

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๙๖
 

หิวไม่หิวก็ต้องจำใจ ที่ร้ายที่สุดก็คือ อาหารทุกๆ อย่างซ้ำกันทั้งสามมื้อซึ่ง เป็นธรรมเนียมของขนบท การรับประทานจึงเกิดเฝือไปบ้าง อาหารจะ เปลี่ยนไปบ้างก็เป็นบางอย่างเท่านั้น แต่ขนิดที่ต้องยืนโยงอยู่นั้นก็มีตาม ระเบียบของอาหารเก่าแก่ที่เรียกว่ากินเลี้ยงสี่ถ้วย ซึ่งคำว่าสี่ถ้วยนี้จะมา จากอาหารที่มีครบสื่อย่างก็เป็นได้ เช่น ลำรับ หนึ่งหรือภาคหนึ่งจะมีแกงเผ็ดหนึ่ง แกงจืดหนึ่ง น้ำพริกผักจิ้มหนึ่ง พวกอาหารยำอีกหนึ่ง เป็นครบสี่ถ้วย แต่ความจริงก็มากกว่านั้น เช่น จะมี หมีกรอบ และม้าห้อ คือสับปะรดฝานแผ่นไม่หนาไม่บางขนาดพอคำ มี จากอะไรก็ไม่ทราบ อาจจะมาจาก ไส้หมูสับกับเครื่องวางบนแผ่นสับปะรด หรือไม่ก็ขนมจีนน้ำยาหรือน้ำพริก แต่ที่กล่าวตอนหลังนี้ก็เป็นอาหารแถมที่เลยสี่ถ้วยไปแล้ว การเลี้ยงอาหารซ้ำอย่าง เราน่าเห็นใจเจ้าภาพจริงๆ เพราะการ กินนั้นบ่อยนักยากแก่การจะเปลี่ยนอาหารได้ทัน ซ้ำว่าการกินของชาว ขนบทนั้นไม่ใช่กินจุบจิบอย่างชาวกรุง เขากินกันเอามากๆ ที่เดียว ทาง เจ้าบ้านจึงจำเป็นทำอาหารทุกๆ อย่างให้มากพอ จะมานั่งเปลี่ยนอาหา เป็นไม่ไหวแน่ จะเปลี่ยนอย่างไรทัน ไม่ใช่ทำอย่างละพอควรเมื่อไร เล่น กันเป็นกะละมังๆ พวกที่เบื่ออาหารนี้ก็เนื่องจากอาหารมันแย่งรสกันไปเอง ภายในลำรับเดียวนั่นแหละ จะมีใครเล่ากินแกงเผ็ดปนแกงจืดได้ หรือ กินน้ำพริกจิ้มกับแกงเผ็ดได้ มันแย่งกันเองเสียเปล่าๆ จนเกิดการเบื่อเมื่อ มองปราดไปก็พบสิ่งจำเจซ้ำซาก พวกขันหมากกลับไปแล้ว ตอนนี้ต้องเตรียมคอยตอนเย็นละ เจ้าบ่าว กับวงศ์ญาติเพื่อนฝูงทั้งหมดจะพร้อมกันในตอนเย็น เป็นการเลี้ยงใหญ่ ทีเดียวละเมื่อหลังที่รดน้ำพระพุทธมนต์แล้ว ผมกับนายขุ่มนายมั่น กลับบ้านกันก่อน มาพักผ่อนและจะได้อาบน้ำแต่งตัวใหม่เอาไว้สู้กับเขาอีก ทางบ้านเราก็มีสำรับอาหารคาวหวานทางบ้านส่งมาไว้ เป็นความรอบคอบ ของเขาดีมาก เพราะทุกบ้านใกล้มัวแต่ไปช่วยงานกันหมด ย่อมไม่มี