มันเป็นรถสามล้อ คนขับใช้เท้าถีบคล้ายถีบระหัดวิดน้ำ ผมขึ้นนั่งกับน้าเกียรติ คนขับก็ถีบระหัดไป มันวิ่งดีเหมือนกัน เราผ่านรถชนิดหนึ่ง น้าเกียรติบอกว่ารถราง มันวิ่งบนรางเหล็ก รูปร่างมันเหมือนรถไฟที่เรานั่งมาแต่เล็กกว่า สั้นกว่า นอกนั้นยังมีรถอะไรต่ออะไรหลายอย่าง เล็กบ้างใหญ่บ้าง ล้วนแต่ที่ผมไม่เคยเห็นทั้งนั้น รถได้วิ่งมาถึงไหนบ้างผมไม่มีความรู้เลยเกิดมาในชีวิตก็เพิ่งเคยเหยียบมาเมืองสวรรค์ครั้งนี้เป็นครั้งแรก รถได้มาหยุดที่บ้านหลังหนึ่ง ดูข้างจะใหญ่โตมากเกินกว่าบ้านธรรมดา มีแขกดำ ๆ เฝ้าประตู แขกอย่างนี้ผมก็เห็นทางบ้านผม ขายผ้าบ้าง ขายถั่วบ้าง ขายขนมปังบ้าง แขกนั้นยกมือแตะหัวเมื่อน้าเกียรติเดินเข้าประตูรั้วแขกมองดูผมที่มีห่อผ้าถือเดินตามหลัง ผมรีบเดินกระชั้นเข้าใกล้น้าเกียรติ ผ่านโรงใหญ่ ๆ แล้วไปถึงบ้านหลังหนึ่งใหญ่โตเขาเรียกตึก
”อ้าว! กลับแล้วหรือครับคุณเกียรติ” เสียงใครร้องทัก ทั้งน้าเกียรติและผมต่างเหลียวไปทางเสียงทัก ผู้ทักเป็นชายกลางคน กำลังเดินเข้ามาหาเรา
“ไปเสียหลายวัน อ้อ! เด็กนี้ใช่ไหมครับที่ไปรับมา” ชายนั้นถามและมองดูผม
“หลายวันหน่อยครับ ไปบ้านคราวหนึ่งก็เยี่ยมกันจนทั่ว” น้าเกียรติว่า “อ้อ น้าครับ ทางนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้างไหม?”
“มีครับ” ชายนั้นตอบ ดูน้าเกียรติสนใจถึงกับเข้าไปจนชิด
“เกิดอะไรครับ” น้าเกียรติถามกระชั้นชิด
“จะถูกปิดน่ะซีครับ”
“พวกเราทำอะไรเข้า?”
“คุณสุธีพูดกระทบกระเทือนเข้าซีครับ ท้วงมาทันที บรรณาธิการต้องรีบไปขอต่อรองกัน เลยหลุดไปได้”
“ฮึ...พวกเราอ้าปากไม่ค่อยเต็ม” น้าเกียรติว่า แล้วถอนใจ
“นี่ครับลูกกุญแจ” ชายแก่ส่งลูกกุญแจให้