หน้า:เรื่องเมืองพิษณุโลก - ดำรงราชานุภาพ - ๒๔๙๖.djvu/14

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
๑๑

ทุกข์ตั้งอยู่ เมื่อสังขารเสื่อมไป ชื่อว่า ทุกข์เสื่อมไป เหมือนดังไฟอันมีอาการร้อนประจำอยู่ เมื่อไฟเกิดขึ้น ก็ชื่อว่า ความร้อนเกิดขึ้น เมื่อไฟตั้งอยู่ ก็ชื่อว่า ความร้อนตั้งอยู่ เมื่อไฟดับไป ก็ชื่อว่า ความร้อนดับไปฉะนั้น ธรรมดาของสังขารเป็นอยู่เช่นนี้ บุคคลผู้ไม่รู้เท่าย่อมหลงมัวเมาอยู่ในวัยบ้าง ในความเป็นหนุ่มเป็นสาวบ้าง ในความเป็นคนไม่มีโรคบ้าง และในชีวิตบ้าง แล้วไม่อาศัยสังขารทำประโยชน์เกื้อกูลแก่ตนและแก่บุคคลอื่นตามสมควร ชื่อว่า ไม่ได้ถือเอาประโยชน์กาย กล่าวคือ อัตตภาพ หรือกลับอาศัยสังขารทำความชั่วอันเป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนและผู้อื่น การที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะความประมาท คือ ความเลินเล่อเผลอเพลินขาดสติ เพราะฉะนั้น สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงได้ตรัสเตือนพระภิกษุทั้งหลายให้บำเพ็ญความไม่ประมาท เมื่อความไม่ประมาทมีในสันดานของผู้ใดแล้ว ผู้นั้นก็ย่อมมีสติระลึกได้ และใช้ปัญญาพิจารณารู้เท่าธรรมดาของสังขาร แล้วอาศัยสังขารทำประโยชน์เกื้อกูลแก่ตนและบุคคลอื่นตามสามารถด้วยประการฉะนี้