หน้า:BKK Rec vol 1a.pdf/16

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
Vol. 1
15.
Bangkok Recorder.

อังกฤษ, ถึงเมืองลันดันซึ่งเปนเมืองหลวงเดือนเจด แรมสองค่ำ, อยู่ในเมืองนั้นศักสิบวัน แล้วกลับไปเมืองรูเซีย. ๏ ข่าวว่า ในเมืองทวายนั้น, มีคนศักสามหมื่นห้าพันเจดรอ้ยสิบสองคน.

มีข่าวมาแต่เมืองกาลกัดตา, ว่า เจ้าเมืองอังวะซื้อกำปั่นไฟลำหนึ่ง, เท่ากับกำปั่นไฟที่มาเมืองนี้. บัดนี้กำปั่นนั้นแล่นขึ้นไปถึงเมืองอังวะแล้ว.

มีคำสุภาสิตว่า, เมื่อท่านจะให้ทาน, ที่มือขวาให้นั้น, ก็อย่าให้มือทร้ายรู้. แปลว่า, ถ้าท่านจะให้ทาน, ก็ให้ดว้ยใจบริสุทธิแท้. อย่าให้ดว้ยคิดว่าจะเอาหน้า, จะให้ชื่อของตนฦๅชาปรากฏ. อนึ่ง คือ อย่าเหนแก่หน้าเหนแก่บุทคล. ถ้าทำเช่นนั้นก็ไม่เปนทานเลย.

ถ้าเหนแผลโลหิตกับน้ำเหลืองปนกันอยู่, ก็พึงรู้ว่า แผลนั้นรอ้นอยู่เพราะโลหิตมารวมกันคั่งอยู่ที่ตรงแผลนั้น. เนื้อนั้นจึ่งเน่าเรวดว้ยรอ้น. ปากแผลโดยรอบนั้น, แดงมากขักให้เสกดดำไป. แผลพันนี้ตอ้งพอกเข้าต้มเสียกอ่น, เข้าต้มนั้นเคี่ยวให้เปื่อยเกือบเปนบอระมาร, พอกวันละสามหน, กินดีเกลือหมั่นถ่ายให้บอ่ย ๆ . รักษาอย่างนี้ให้เหนเนื้อแดงขึ้นเปนลูกมะระแล้ว, จึ่งเอาขี้ผึ้งในจดหมายเหตุใบสามรักษาไปเถิด.

แผลอีกอย่างหนึ่ง, พองขึ้นเปนหนอง, แล้วก็เปื่อยออกไป, ปากแผลโดยรอบนั้น, ชักดำเข้าขอบแผลฃ้างนอกนั้นก็ไม่สู้บวมไม่สู้แดง, แผลเช่นว่ามานี้, เหตุดว้ยเนื้อตรงแผลนั้นตายเสียไปแล้ว, ให้เนื้อนั้นเอย๊นมาก, จึ่งชักให้ปากแผลนั้นดำไป. มักให้ตัวรอ้นเทพจรกำเริบ. ถ้าจะรักษาก็เอายาที่สำเราไม่สู้รอ้นไม่สู้เอย๊นให้กินให้เดิน ๆ ไว้, แล้วจึ่งให้กินยาขาวที่อังกฤษเรียกว่าคีนีลนั้น, ให้กินหนักเท่าเมดเข้าเปลือกที่ได้ขนาดวันละสี่หน. ถ้าไม่ให้กินยาคีนีล, ก็ให้กินยาแดงผงที่มาแต่เมืองอเมริกาชื่อซินคนา, ต้มน้ำกินก็ได้เหมือนกัน. ถ้าไม่มียาสองขนานนี้กินแล้ว, ก็ให้. เอาการะบูรร์หนักหุนหนึ่ง, น้ำประสารดีบุกหุนหนึ่ง, ปูนขาวหุนหนึ่ง, บดกินวันละ ๒ หน ๓ หน. รักษาอย่างนี้เพื่อจะให้เนื้อนั้นกลับเปนปรกติขึ้น. ถ้าเหนว่าตัวรอ้นหนัก, ก็ให้กินดินประสิวขาวที่สอาษทำผงลลายน้ำเข้าเชดมื้อละ ๒ หนกินวันละ ๔ หน ๕ หน. ยานี้กินให้ตัวเอย๊น, ให้เทพจรหย่อนลง. ถ้าเหนตัวเอย๊นแล้ว, จึ่งให้กินยาขาวยาแดง๒ขนานนั้นตามแต่จะให้กินขนานหนึ่งเถิด. ถ้าจะฌะแผลก็ให้เอาน้ำกรดดินประสิว ๕๐ อยด, น้ำท่าทนานหนึ่ง. ถ้าน้ำกรดไม่มี, ก็ให้เอาดินประสิวขาวหนักสลึง, ลลายน้ำครึ่งทนาน, ทำน้ำฌะดีแล. น้ำฌะอย่างหนี่ง, เอาน้ำกรดกำมะถัน ๗๐ อยด, น้ำท่าครึ่งทนานเปนน้ำฌะ. ถ้าไม่มีแล้วก็เอาน้ำดินประสิวฌะไปตามที่ว่ามานั้นเถิด.

แผลอย่างหนึ่ง, ที่ปากแผลเล๊กแต่ฃ้างในนั้นกินพลอนใป. ลางทีกัดฦกเปนขุมลงไป, ถ้าแผลนั้นกินชอนเข้าไปฦกแล้ว, เอากระบอกฉิดใส่น้ำท่าฉิดล้างเสียกอ่น, แล้วเอาจุลษรีลลายน้ำลงภอศรีน้ำเฃียว ๆ ออ่น ๆ, แล้วใส่กระบอกฉิดเข้าไป, ให้กัดชำระฝ้าแลหนอง, แลน้ำเหลืองเสียแล้ว. จึ่งเอาน้ำฌะเช่นว่ามานั้น, ฉิดล้างน้ำจุลษรีเสียอีกครั้งหนึ่ง. ถ้าเหนหนองยังติดค้างอยู่บ้าง, ก็ให้เอาผ้าภับเข้าให้หลายชั้น, กดลงที่ริมแผลรีดหนอง, ให้ออกเสียให้หมด. แล้วเอาผ้ารัดแผลไว้, เอาสำลีปิดปากแผลเสีย. รักษาอย่างนี้, เนื้องอกติดกันออกมาแต่ฃ้างในกอ่น, เพราะรัดไว้ไม่ให้หนองค้างอยู่ได้หายเรว. ถ้าเปนแผลปากแผลนั้นเลก, แต่กินชอนเข้าไปไม่สู้ฦกนัก, ก็เอามีดสอดเข้าไปตามแผลที่ชอนนั้น. ตัดเนื้อที่อมหนองนั้นออกเสีย, ให้ปากแผลกว้างแล้ว, ฉิดน้ำจุลษรีชำระเสียกอ่น, จึ่งเอาสำลีใสคาปากแผลไว้อย่าให้ชิดกันเข้าได้. กระทำดั่งนี้, เพราะจะให้เนื้อแดงนั้นงอกแต่ข้างในออกมา, จนเตมปากแผล, แต่ให้เปลี่ยนสำลีวันละสองหน.

ถ้าเปนฝีปะคำรอ้ยแล้ว, แต่ภอแลเหนเงาหนองขึ้นมา, ก็ให้เอามีดที่ปลายแหลมแทงตรงหนองเสีย, ให้ปากแผลกว้าง, หนองไหลคล่องแล้ว, ฉิดน้ำจุลษรีก็ได้, น้ำดินประสิวก็ได้, ยิ่งได้น้ำกรดยิ่งดี. แล้วเอาสำลีบิดให้แน่น, ทำเปนหมุดใส่ไว้ให้ดูดหนอง, แลน้ำเหลือง, อย่าให้ปากแผลติดกันเข้าได้, ให้เอาขี้ผึ้งเข้าน้ำมันดินหนัก ๓ ส่วน, ในจดหมายเหตุใบที่หนึ่งนั้น, ทากระดาดหนังแลผ้าขาวบางปิดไว้ถ้าจะรักษาฝีปะคำรอ้ย, ที่เปนมานานแล้ว, ถ้าเหนหนองนั้น, กัดหนังตามปากแผลนั้น, ชอนบางไปก็ให้เอามีดผ่าเสีย, ให้แผลกว้างออกไว้, อย่า