แม่แบบ {{หัวสลับ 2}} ถูกยกเลิกแล้ว กรุณาใช้แม่แบบ {{หัวสลับ}} ทดแทน |
2.เอกสารแสดงบัญชีรายได้และรายจ่ายตามจริงของปีการคลังซึ่งสิ้นลง ณ วันที่ 31 เดือน 3 ของปีปัจจุบัน
มาตรา7เงินสำรองที่จะบัญญัติไว้ในงบประมาณนั้น ให้แบ่งออกเป็นสองประเภทดังนี้ คือ เงินสำรองประเภทที่ 1 และเงินสำรองประเภทที่ 2
เงินสำรองประเภทที่ 1 ให้ใช้เติมเต็มส่วนที่ขาดพร่องไปอันไม่อาจเลี่ยงได้ในงบประมาณ เงินสำรองประเภทที่ 2 ให้ใช้รองรับค่าใช้จ่ายจำเป็นซึ่งมิได้บัญญัติไว้ในงบประมาณ
มาตรา8บัญชียอดเงินที่ออกให้จากเงินสำรองนั้น เมื่อพ้นปีการคลังไปแล้ว ให้ยื่นต่อสภานิติบัญญัติแห่งจักรวรรดิ และขอรับความเห็นชอบจากสภา
มาตรา9จำนวนขั้นสูงของร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยท้องพระคลังซึ่งจะออกในช่วงปีการคลังแต่ละปีนั้น ให้กำหนดโดยความยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งจักรวรรดิ
มาตรา10การเพิ่มภาษีและรายได้อย่างอื่น ให้กระทำตามบทบัญญัติแห่งพระราชกำหนดกฎหมาย
การเรียกเก็บภาษีและรายได้อย่างอื่น จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยพนักงานที่มีคุณสมบัติเพื่อการนั้นตามพระราชกำหนดกฎหมาย
มาตรา11จำนวนที่จัดสรรไว้เป็นค่าใช้จ่ายรัฐบาลในปีการคลังแต่ละปีนั้น ให้ออกโดยใช้รายได้ของปีการคลังปีเดียวกันนั้น
มาตรา12มิให้รัฐมนตรีขอจัดสรรเงินเพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ นอกจากที่กำหนดไว้ในงบประมาณ และไม่อนุญาตให้รัฐมนตรีนำจำนวนที่จัดสรรไว้ในแต่ละวรรคนั้นมาสับเปลี่ยนกันและกัน
ให้รัฐมนตรีส่งรายรับทั้งปวงในความควบคุมของตนให้แก่ท้องพระคลัง และมิให้นำรายรับเหล่านั้นไปใช้โดยตรง
มาตรา13คำสั่งจ่ายเงินนั้น ให้รัฐมนตรีนำมาเบิกที่ท้องพระคลัง เพื่อออกเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการปกครองแต่ละอย่างของตน
อย่างไรก็ดี อำนาจในการออกคำสั่งให้จ่ายเงินนั้น จะมอบให้แก่ผู้ปฏิบัติงานคนอื่นตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้เพื่อการนั้นเป็นพิเศษก็ได้
มาตรา14มิให้ท้องพระคลังจ่ายเงินตามคำสั่งที่ขัดกับบทบัญญัติแห่งพระราชกำหนดกฎหมาย
มาตรา15มิให้รัฐมนตรีออกคำสั่ง