เพราะและตราบที่สินค้าอื่นทั้งหมดกีดกันให้เป็นสิ่งสมมูล และเมื่อกีดกันจนในที่สุดเล็มเหลือสินค้าชนิดจำเพาะชนิดหนึ่งเท่านั้น รูปมูลค่าสัมพัทธ์ที่เป็นเอกรูปของโลกแห่งสินค้าจึงจะตายตัวเชิงวัตถุและใช้ได้ทางสังคมโดยทั่วไป
สินค้าชนิดจำเพาะชนิดนั้น เมื่อรูปธรรมชาติเชื่อมติดทางสังคมกับรูปสมมูล กลายเป็นสินค้าเงินตรา หรือทำงานเป็นเงินตรา การเล่นบทบาทเป็นสิ่งสมมูลทั่วไปในโลกแห่งสินค้า กลายเป็นหน้าที่ทางสังคมเฉพาะของมัน และจึงผูกขาดทางสังคม เก้าอี้พิเศษตัวนี้ท่ามกลางสินค้าทั้งหลาย ที่ในรูป II มีรูปร่างเป็นสิ่งสมมูลจำเพาะต่าง ๆ ของผ้าลินิน และที่รูปมูลค่าสัมพัทธ์ต่าง ๆ ในรูป III แสดงออกด้วยกันเป็นผ้าลินิน สินค้าชนิดหนึ่งนั่งครองตำแหน่งนี้มาตลอดทั้งประวัติศาสตร์ คือทองคำ ดังนั้น หากเราแทนที่สินค้านามว่าผ้าลินินด้วยสินค้านามว่าทองคำในรูป III เราจะได้:
เสื้อคลุม 1 ตัว | ทองคำ 2 ออนซ์ | ||
ชา 10 ปอนด์ | |||
กาแฟ 40 ปอนด์ | |||
ข้าวสาลี 1 ควาร์เทอร์ | |||
ทองคำ 2 ออนซ์ | |||
เหล็ก ½ ตัน | |||
สินค้า หน่วย | |||
สินค้า ฯลฯ |
ในการเปลี่ยนผ่านจากรูป I ไปรูป II จากรูป II ไปรูป III เกิดการเปลี่ยนผันขั้นพื้นฐาน แต่ไม่มีอะไรแตกต่างกันระหว่างรูป IV กับรูป III เสียแต่ทองคำอยู่ในรูปสมมูลทั่วไปแทนผ้าลินิน ทองคำในรูป IV เหมือนผ้าลินินในรูป III —— คือสิ่งสมมูลทั่วไป ความก้าวหน้าเพียงกอปรด้วยการที่ตอนนี้ รูปธรรมชาติจำเพาะของสินค้านามว่าทองคำ ผ่านกิจวัตรทางสังคม เชื่อมติดอย่างเสร็จเด็ดขาดกับรูปที่แลกเปลี่ยนได้โดยตรงโดยทั่วไป หรือรูปสมมูลทั่วไป
ทองคำเผชิญหน้าสินค้าอื่นในฐานะเงินตราเพียงเพราะเคยเผชิญหน้าในฐานะสินค้ามาก่อน ทองคำเคยทำหน้าที่เป็นสิ่งสมมูลเหมือนสินค้าอื่นทั้งนั้น จะเป็นสิ่งสมมูลเอกเทศในการแลกเปลี่ยนเป็นเอกเทศก็ดี หรือเป็นสิ่งสมมูลจำเพาะพร้อมกันกับสินค้าสมมูลอื่น ๆ ก็ดี ทีละเล็กละน้อย ทำหน้าที่เป็นสิ่งสมมูลทั่วไปในวงที่แคบและกว้างขึ้นเรื่อย ๆ