อยู่มาวันหนึ่ง พระเจ้าติวอ๋องเสด็จออกพระที่นั่งเตียะแซเหลากับนางขันกี เสวยสุราอยู่ จึงสั่งให้พวกพนักงานทำมโหรีขึ้น แล้วให้นางขันกีขึ้นรำร้อง นางนักสนมทั้งปสงก็นั่งฟังพร้อมกันอยู่ พระเจ้าติวอ๋องจึงตรัสชมว่า นางขันกีทำเพลงขับรับมโหรีเพราะนักหนา นางสนมทั้งปวงใครฟังเพราะหรือไม่ นางสนมพวกหนึ่งก็กราบทูลสรรเสริญว่า ขับเพราะ แต่นางสนามพวกหนึ่งเจ็ดสิบห้าคนเป็นพวกเจียงเหนียวที่ตาย ต่างคนคิดถึงนาย หน้าตาโศกเศร้า นิ่งเสีย หาได้กราบทูลว่าเพราะไม่ นางขันกีจึงว่า อีเหล่านี้มึงชังกู มึงยังจะคิดถึงนายมึงซึ่งทำผิดโทษถึงตายให้ฆ่าเสียนั้นหรือ ว่าแล้วก็กราบทูลว่า อีพวกเหล่านี้จะเลี้ยงไว้ในพระราชวังเห็นจะไม่ได้ นานไปก็จะทำอันตรายแก่ข้าพเจ้า พระเจ้าติวอ๋องก็สั่งให้เอาพวกสนมเจ็ดสิบห้าคนไปประหารชีวิตเสีย นางขันกีจึงกราบทูลว่า อย่าประหารชีวิตด้วยหอกดาบเลย ขอให้ขุดหลุมให้ลึกสักยี่สิบยา กว้างสี่สิบแปดวา ที่ตรงหน้าเตียะแซเหลา แล้วป่าวร้องให้ราษฎรจับงูมาบ้านละสี่ตัวห้าตัวปล่อยลงไว้ในหลุดมขุด จึงเอาอีเจ็ดสิบห้าคนทิ้งลงไปให้งูกินเสียให้หมด เบื้องหน้าไปจะไม่ได้ดูเยี่ยงอย่างกัน พระเจ้า
หน้า:Hongsin 2506 (1).djvu/224
หน้าตา