พระเจ้าติวอ๋องได้ทรงฟังจึงผินพระพักตร์มาตรัสกับนางขันกีว่า เจ้าได้ยินหรือไม่ เกียงจูแหยเขาว่า ทำลกไต๋กว่าจะแล้วถึงสามสิบห้าปี คนเราทุกวันนี้อายุจะยืนไปสักกี่มากน้อย กว่าพระที่นั่งลกไต๋จะแล้ว เราก็จะตายเสีย ปลูกขึ้นไว้ทำไม ไม่ต้องการ นางขันกีจึงทูลว่า เกียงจูแหยแกล้งบิดพลิ้ว หาสามิภักดิ์ต่อพระองค์ไม่ พูดจาขัดรับสั่งดูถูกพระเจ้าแผ่นดิน ขอให้ลงพระราชอาญาตามโทษเถิด พระเจ้าติวอ๋องจึงว่า ชอบแล้ว จึงให้บูซูจับตัวเกียงจูแหยไว้ เกียงจูแหยจึงว่า ข้าพเจ้าจะขอกราบทูลที่ขัดข้องเสียให้ทราบก่อน ซึ่งพระองค์จะให้สร้างพระที่นั่งลกไต๋นี้เป็นการใหญ่โตนัก ไพร่บ้านพลเมืองจะได้ความยากแค้นหามีความสุขไม่ ข้าพเจ้าจึงได้ทูลขัด และพระองค์จะมาหลงด้วยสตรี เสวยแต่สุรา มิได้เสด็จออกว่าราชการ ขุนนางผู้ที่สัตย์ซื่อจะเพ็ดทูลเตือนพระสติ พระองค์ก็มิได้เชื่อฟัง หลงเชื่อแต่คนพาลพูดสอพลอคอยยุยง พระองค์หารู้ว่าจะมีอันตรายต่อพระองค์ไม่ ใช่จะเป็นกษัตริย์ได้แต่พระองค์เดียว ผู้อื่นที่มีบุญก็จะเป็นกษัตริย์ได้เหมือนกัน ข้าพเจ้าสงสารแต่พระองค์ เห็นว่า จะครองราชสมบัติไปไม่ยืดยาวแล้ว
พระเจ้าติวอ๋องได้ฟังก็ทรงพระโกรธ ด่าว่า อ้ายคนนี้พูดจาหยาบช้านัก บูซูจงจับตัวเอามีดแหวะปากเชือดลิ้นเสียให้