"เมื่อสมัยโน้น ชายน้ำที่เรากำลังอาบน้ำกันอยู่นี่มันก็เป็นชายฝั่งของป่านั่นเอง ต้นไผ่เป็นดงเป็นดานไปเลย ขึ้นฝั่งก็ระวังงูเงี้ยวเขี้ยวขอและเสือช้างกันไปทีเดียว เมื่อพ่อผมหนุ่ม ๆ หลังบ้านผมนี่ก็อุดมไปด้วยเก้งกวาง แต่พอผมเกิด สัตว์เหล่านี้ก็หลบเข้าป่าลึกหมด เพราะพวกมนุษย์บุกเบิกทำไร่และทุ่งทั่วไปหมด ผมเด็ก ๆ ยังพอหาไข่ไก่ป่าแถวกอไผ่ชายน้ำนี้ได้ทุกวัน" นายแผ้วคุยถึงสถานย่านนั้นให้ฟัง
พอขึ้นจากน้ำแล้วเป็นเวลาแดดร่มลมตก ก็มาคุยกันที่เรือนนายแผ้ว ดื่มเหล้ากันพอสบาย ๆ นายแผ้วของผม แม้ว่าเขาจะพูดสำเนียงเพี้ยน ๆ ตามพื้นบ้าน แต่ก็ช่างพูดช่างคุยพอรู้เรื่อง พวกลูกเล็ก ๆ หญิงชายวิ่งเล่นกันในลานบ้าน ตะโกนพูดกันเสียงเพี้ยน ผมฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง
"ผมอยากฟังนิยายของน้องชายคุณจริง ๆ" ผมพูดทำนองปรารภเป็นการเตือน
"อ๋อ !" นายแผ้วร้อง "เรื่องเจ้ากลั่น โฮ้ย ! เรื่องมันสับสนครับ ยุ่งพิลึก เดี๋ยวนี้ในย่านนี้ ถ้าใครออกชื่อเจ้ากลั่นก็จะพากันร้องว่า เจ้ากลั่นตายไปนานแล้ว"
"อ้าว! ยังไงกันล่ะ ?" ผมถาม
"เปล่าครับ ! อ้ายกลั่นไม่ได้ตายอย่างเข้าใจกัน มันยังมีชีวิต แต่มันสับสน คราวไหนอ้ายกลั่นแอบมาหาผม ใครเห็นเข้าก็พากันร้องว่าผีอ้ายกลั่นมาหลอก"
"เอ๊ะ ก็สับสนซิยังงั้น" ผมว่า
"ครับ ! สับสน" นายแผ้วตอบแล้วรินเหล้ากิน "เรื่องมันยังงี้ครับ เมียของเจ้ากลั่น ชื่อนางกลม ผมเองนี่เป็นพี่ชายเจ้ากลั่น ก็เท่ากับแทนพ่อแม่ เพราะพ่อแม่ตายหมดแล้วผมก็ดูแลน้องชายมา เมื่อตอนเจ้ากลั่นไปรักนางกลมบ้านดอนเฝ้า ผมก็คัดค้านและขอร้องมันว่าให้เลิกคิดเสียเถิด มันจะไม่เจริญใจไปวันหน้า เพราะนางกลมนี้เป็นหญิงรำวงนี่ครับ อยู่คณะ 'รำวงเริงรมย์' รำวงหากินตามงานวัดน่ะแหละ ใครล่ะครับจะอยากให้น้องชายไปได้คนอย่างนั้นมาเป็นลูกเป็นเมียเกรงมีเรื่องครับ คุณก็รู้นี่ครับ หญิงอย่างนี้ก็ย่อมมีชายชอบกันอยู่มาก