พระภรรตฤราชผู้อนุชาซึ่งปกครองสมบัติแลราชการเมืองแทนพระราชานั้นเปนบุรุษมีหฤทัยซึมเซาเปนปกติ เพราะได้เสียนางผู้เปนชายาไปด้วยเหตุประหลาด มีเรื่องตามที่กล่าวต่อกันมาว่า วันหนึ่งพระภรรตฤราชเสด็จออกล่าเนื้อในป่า พบหญิงแม่หม้ายเข้าสู่กองเพลิงซึ่งเผาศพพราหมณ์ผู้สามี หญิงนั้นแสดงความมั่นในใจปราศจากความสทกสท้าน ครั้นพระภรรตฤราชเสด็จกลับถึงวัง จึงเล่าแก่นางผู้เปนชายาแห่งพระองค์ว่า นางพราหมณีมีความสัตย์แลความกล้าฉันนั้น ๆ พระชายาทูลตอบว่า เมื่อผัวสิ้นชีพไปแล้ว หญิงดีย่อมจะสิ้นชีวิตด้วยเพลิงแห่งความทุกข์ หาต้องตายในกองเพลิงซึ่งเผาสามีไม่ พระภรรตฤราชทรงฟังดังนั้นก็นิ่งตรึกตรอง มิได้ตรัสประการใด ครั้นวันรุ่งเสด็จออกป่าล่าเนื้ออีกครั้งหนึ่ง ไม่ช้าตรัสให้มหาดเล็กเชิญเครื่องทรงซึ่งขาดแลเปื้อนเปรอะกลับไปทูลพระชายาว่า เกิดเหตุวิบัติในป่า พระภรรตฤราชสิ้นพระชนม์เสียแล้ว พระชายาได้ยินดังนั้นก็ล้มลงสิ้นชีวิตด้วยเพลิงแห่งความทุกข์ พระภรรตฤราชกลับจากป่าก็เสียพระหฤทัยหนักหนา มีอาการซึมเซากระเดียดไปข้างจะออกเปนฤษีอยู่ร่ำไป แม้มีชายาองค์อื่น ๆ จำนวนไม่น้อย ก็ไม่ทำให้แช่มชื่นได้ (จนได้นางมาใหม่อีกองค์หนึ่ง)
เมื่อได้รับตำแหน่งปกครองแทนองค์พระราชาแล้ว พระภรรตฤราชก็ปฏิบัติราชการโดยทางที่ชอบ แต่ไม่สนุกในงานที่กระทำ จนกามเทพแผลงศรดอกไม้ทลุหฤทัยอีกครั้งหนึ่ง
นางนั้นมีหน้าเหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ มีผมดังเมฆสีนิลโลหิตซึ่งอุ้มฝนห้อยอยู่ในฟ้า มีผิวซึ่งเย้ยดอกมลิให้ได้อาย มีตาเหมือนเนื้อทรายซึ่งระแวงภัย ริมฝีปากเหมือนดอกทับทิม คอเหมือนคอนกเขา