"แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหนเล่าจึงจะพ้นตาเขา"
"ขึ้นบางกอกซี เรี่ยวแรงพี่มีพอทำงานเลี้ยงเจ้าหรอกเรียมเอ๋ย"
เจ้าเรียมซบหน้าลงกับตักเจ้าขวัญฟูมฟายน้ำตา อยู่จะตายหรือไปจะรอดยังไม่แน่ใจ เผื่อไปผิดพ้องกันขึ้นหรือเจ้าขวัญไปเห็นผู้หญิงสมัยในบางกอกเข้าแล้วเจ้าจะทำอย่างไร กลับมาอยู่นาหรือ จะดูหน้าใครได้เล่าในย่านบางกะปิ ลงท้ายเจ้าเรียมก็คิดสงสารเรียมเอง
"ขอผัดให้ฉันมีเวลากรึกกรองก่อนเถอะพี่ขวัญ"
"ตามใจเจ้าเถอะ เมื่อไหร่จะให้พี่มาฟังข่าวล่ะ คืนพรุ่งนี้ได้ไหม" เจ้าขวัญคยั้นถามเสียงหอบ
"ซักมะรืนจะดีกว่า"
"ดีเหมือนกัน"
เสียงข้างบนฮากันครืนขึ้นด้วยความสนุกสนานในคำพูดของเจ้าเริญ
ต่อมาอีกครู่ใหญ่ ๆ เสียงเจ้าจ้อยกับพวกบอกลาเพราะดึกมากแล้ว ทั้งเปนเวลาเดือนมืด
"ระวังอ้ายขวัญน๊ะพ่อจ้อย อ้ายนี่มันลอบกินสำคัญนัก" เสียงเจ้าเริญพูดทีเล่นทีจริง
"ฮ้า–พ่อเริญ ก๊อผิดไปซี" จ้อยตอบเสียงส้น ๆ บอกว่ากำลังห้าวเพราะฤทธิ์สุรา "ถ้าฉันกลัวอ้ายขวัญลาก้อ อีวันนั้นไม่กล้าถีบหน้ามันหรอก"
เจ้าขวัญซึ่งสงบฟังอยู่ข้างล่าง แทบจะอดไม่อยู่ กัดกรามกรอดด้วยโทษะ "เดี๋ยวเถอะอ้ายจ้อย เดี๋ยวก็คงรู้หรอกว่ามึงดีหรือกูดี มึงจะมาสักเท่าไหร่ก็ช่างหัวมึงเถอะ ถ้าเลือดไม่เจิ่งทุ่งไปมึงเรียกกูอ้ายหมาขวัญก็แล้วกัน"
"พี่ลาก่อนละน๊ะเรียมน๊ะ" มันหันมากระซิบปลอบใจนางคนรัก "ประเดี๋ยวเขาถือไฟลงมาส่ง อ้ายจ้อยเห็นพี่เข้าจะไปกันใหญ่" แล้วกอดรัดเจ้าเรียม จูบแล้วจูบเล่าเจ้าเรียมก็ไม่วายน้ำตาไปได้"
"วันมะรืนพี่จะมาอีก เจ้ารีบเช็ดหน้าเสียเพราะเปื้อนดินหม้อจากพี่แล้วอย่าลืมแซมจากที่พี่ตัดเข้ามาด้วย เดี๋ยวจะเกิดความใหญ่ ลาละเรียมพี่ลาก่อน คืนมะรืนนี้อย่าลืม" มันสั่งเสีย