โผนลงคลองดำน้ำหายไปโผล่ทางเหนือน้ำโน้น แล้วก็ดำต่อไปอีก
ฟ้าขาวเช้าตรู่ ท้องนากำลังปลอดโปร่งเพราะลมดีอากาศสดชื่นใจในตอนเช้า เสียงแห้ง ๆ ของรวงเข้าสุกกวัดแกว่งกระทบกันเมื่อต้องลม เจ้าเอี้ยงและสาริกาต่างก็ลงจิกเมล็ดเข้าที่เกลื่อนกลาดตามดินเปนฝูง ๆ
สายวันนั้น ผู้ใหญ่เขียนก็ได้รับหมายจากอำเภอให้ส่งตัวเจ้าขวัญลูกชายซึ่งนอนจับไข้คลุมโปงอยู่ไปไต่สวนถานดักทำร้ายเจ้าจ้อยกับพวก ซึ่งทำให้ผู้ใหญ่เขียนหัวเราะหึ ๆ ลูบหัวลูกชายด้วยความรักใคร่ แล้วพูดว่า เมื่อมึงติดกูก็ยังอยู่อีกทั้งคนว๊ะ อ้ายขวัญไปเถอะไปสู้ความเขา
ในช่วงบ่าย เจ้าขวัญก็ขี่อ้ายเรียวกลับนาด้วยหน้าตายิ้มแย้มเบิกบาน โดยทางอำเภอเห็นเปนข้อใส่ไคล้ เพราะคนโกรธกัน ทั้งเจ้าขวัญก็กำลังเจ็บนอนจับไข้มา ๗–๘ วันแล้วตัวคนเดียวที่ไหนจะห้าวหาญสามารถไปฟันเจ้าจ้อยกับพวกเสียไปไม่ไหวทั้งสามคน เปนอันว่าเจ้าจ้อยเสียโฉมหน้าไป ๓–๔ แผล เจ้าลัดแขนแทบขาด และเจ้าอีกคนหนึ่งที่ถูกเข้าก่อนเส้นน่องขาดเดินกระโผลกไปตลอดชาติเปล่า ๆ แต่เมื่อฟังนัยรู้นัยกันแล้ว ตลอดย่านบางกะปิและกินมาจนต้นน้ำแสนแสบ ใคร ๆ ก็พากันชำเลืองซุบซิบมาทางเจ้าขวัญทั้งสิ้น ยิ่งเจ้าเริญกลัวหัวหด พอค่ำลงก็เข้านอนแทบจะกอดดาบหลับ แต่เจ้าเรียมยิ้มทั้งน้ำตา นึกเคารพยำเกรงเจ้าคนรักขึ้นอีกจับใจ พี่ขวัญของข้า มิเสียแรงเลยที่ข้าได้เลือกแล้วสมใจนัก อ้ายเสือแสนแสบ อ้ายเจ้าทุ่งปลายน้ำบางกะปิ พ่อทูนหัวของเรียม