ข้ามไปเนื้อหา

หน้า:Phlae Kao 2479.djvu/47

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร

เรียมยิ้มรับมันเปนการเอาลางดีล่วงน่า

ล่วงเข้ายามเศษ ทั้งทุ่งและนาเงียบกริบแม้จะเห็นเดือนพ้นฟ้าไร ๆ ก็จริง ทุ่งนาก็ยังเปนทุ่งผืนใหญ่กำลังนอนหลับอย่างวังเวงน่ากลัว เจ้าขวัญยิ้มย่องเมื่อเห็นเดือน เห็นดวงเดือนเมื่อไร ก็เท่ากับเห็นหน้าเรียมเมื่อนั้น เพราะดวงเดือนเตือนใจให้เจ้าขวัญหนุ่มระลึกได้ว่า กำหนดนัดของเจ้าเรียมถึงแล้ว หากมันจะต้องไปคอยอยู่นานหน่อยหรือแช่น้ำจนตัวเปนเมือกก็ยังดีกว่าให้เจ้าเรียมไปคอย

น้ำเอ่อกำลังจะขึ้น เจ้าขวัญค่อยแหวกกอเข้าชายตลิ่งก้าวลงคลอง ปากคาบมีดซุยคู่ชีวิตร์แล้วว่ายน้ำไปด้วยชำนิชำนาญ ถึงเดือนจะกำลังขึ้นแจ่มฟ้าแต่ก็ยังเปนเวลาค่ำคืนที่ค่อนข้างสงัด สายน้ำเย็นเฉียบอย่างหน้าหนาว แม้จะว่ายไปคนเดียวในย่านกลางของความวิเวกไปด้วยเงาไม้ใหญ่ข้างฝั่งก็จริง เจ้าขวัญหาได้คิดถึงสิ่งเหล่านี้เปนอารมย์ เงือกงูอันเปนภัยที่น่าหวาดกลัวในสายน้ำกลางคืน ผีสางนางไม้ และวิญญาณอื่น ๆ ของภูตผีปิศาจประจำลำน้ำแสนแสบเหล่านั้นจะได้แผลงฤทธิ์แผลงเดชถึงกับทำให้เจ้าขวัญกลับใจสักชั่วขณะก็หาไม่เลย มันคงว่ายน้ำไป ว่ายไปด้วยความมุ่งแต่จะให้ทันนัดเจ้าเรียม หัวใจก็นึกอยู่แต่ว่าป่านนี้เรียมมิมาคอยพี่อยู่ก่อนแล้วหรือ แล้วมันก็สาวแขนจ้ำให้เร็วขึ้น พอพ้นคุ้งจะออกกลางน้ำโล่งก็ดำหายลงน้ำลึก

คะเนอึดใจด้วยความชำนาญ เจ้าขวัญก็โผล่ขึ้นห่างท่าน้ำบ้านตาเรืองเพียง ๓–๔ วา เจ้าขวัญใจหายวาบเมื่อเห็นแต่ท่ากะใดเปล่า เรือไฟลำที่เจ้าเรียมนั่งอยู่เมื่อบ่ายไม่ได้จอดอยู่ที่นั่น มองดูเหนือน้ำขึ้นไปอีกกระทั่งในลำกระโดงก็ไม่มี มันว่ายตรงไปที่กะใดชะเง้อชะแง้เพราะยังสงสัยว่าเปนเรือสวยมีราคาบางทีพวกบางกอกจะกลัวคนตัดขะโมยไปกินเสียจึงยกขึ้นไว้บนคาน

เจ้าขวัญอุส่าห์ย่องขึ้นกระใดท่าน้ำ ชะเง้อหัวพอพ้นมองเห็นทั่วไปบนบกแต่ท่าน้ำถึงโรงนาและคานเรือ ไม่มีไม่

๔๓