ลมพัดชายแพรปลิวอย่างจะต้อนรับ เธอใจหายระลึกขึ้นได้ว่าวันนั้นเปนวันเกิดเหตุใหญ่ เปนวันนองเลือดของเจ้าขวัญและเปนครั้งสุดท้ายของเธอต้องจากบางกะปิไปทั้ง ๆ รัก
จุดธูปเทียนบนบาลขอให้เจ้าพ่อศักดิ์สิทธิ์ขับไล่ผีทุ่งผีท่าและรักษามารดาของเธอให้หายวันหายคืนได้เธอจะถวายเครื่องเส้นสังเวย ปลูกศาลให้ใหม่ และมีละคร ๓ วันตามธรรมเนียม แล้วเรียมนั่งรำลึกถึงเหตุที่แล้วมาอีก เธอเหลียวเห็นเจ้ารอดน้องชายแล้วใจหาย เพราะมันนั่งคู่กับเธอและเปนที่เดียวกับเจ้าขวัญได้กล่าวคำสาบาลให้เธอฟังเมื่อ ๓ ปีก่อน
เจ้ารอดสกิดพี่สาวให้ดูทางพงอ้อห่างศาลออกไปข้างหลังสัก ๔-๕ วา เปนรูปคนก้ม ๆ คลาน ๆ เห็นไม่ค่อยชัดอยู่หลังพงอ้อนั้น
เจ้าเรียมเพ่งตาอยู่ครู่ใหญ่ พงอ้อก็แหวกและหักราบออกเปนทาง เจ้าขวัญซึ่งติดตามเธอไปเสียทุกหนทุกแห่งคล้ายปีศาจกำลังบุกสวบสาบออกจากพงอ้อ
"เรียม เจ้ามานานแล้วหรือ อ้อ อ้ายรอด เอ็งมาเปนเพื่อนพี่เขารึนั่น"
เจ้ารอดทั้งรักทั้งกลัวเจ้าขวัญมากกว่าพี่ชายของมันเองเสียอีก เพราะเจ้ารอดมีนิสสัยรักทางนักเลง และมันก็รู้ดีว่า ยอดของนักเลงตลอดลำน้ำและท้องทุ่งบางกะปิกับแสนแสบเปนไม่มีใครล้นไปกว่าพี่ขวัญ
"จ้ะ พี่ ฉันพายเรือมาส่งและมาเปนเพื่อนพี่เรียมเขาด้วย นั่นพี่ไปไหนมาล่ะนั่น"
"ข้าก็จะมานี่เหมือนกัน" พอดีเจ้าขวัญเดินมาถึงที่คนทั้งสองนั่งอยู่ มันคุกเข่าลงกราบเจ้าพ่อแล้วนั่งลงยังพื้นใกล้ ๆ เจ้าเรียม
เรียมนึกไม่ไว้ใจอยู่ร่ำไป เกรงว่าไม่พ่อก็พี่เริญจะแอบย่องมาอีก จึงตกลงกับเจ้าขวัญจะให้เจ้ารอดไปคอยดูต้นทางที่เรือ
เจ้าขวัญจึงขอร้องกับเจ้ารอดด้วยตนเอง
"อ้ายรอด เอ็งเห็นกับพี่เขาและข้าเถอะว๊ะ ข้าขี้เกียจรำคาญ ประเดี๋ยวอ้ายเริญจะมาทำยุ่มย่ามอีก เอ็งไป