เหนี้อพระเบจาสำเมรจ์แล้ว ล้นเกล้า ฯ จใด้เสดจ์ ฯ กลับออกไปปรตูท้าปราบ ดูจ ฯ เสดจ์ ฯ มานั้นหามิได้ แลชาววังเชีนพระเฉลียงงา[1] เข้าไปรับเสดจ็ ฯ ณ่เกยหลังพระทืนั่งจักระหวัด แล้วเสดจ์มาทางปรตูหลังพระทือนั่งจักระหวัดมาตามทาง เสดจ์ ฯ เข้าไปข้างในย แลเคริ่องแหนั้นอยุดอยู่แต่ต้นมเกลีอแล้วเสดจ์ ฯ ไปตามท้องฉนวญข้างในยลงเรีอพระธีนั้งณ่ขนานประจำท้า เสดจ์ ฯ ออกมาพระราชวังบวร ฯ ทือเดียว ครั้นถึงวันพระ ๘๑๕ ค่ำ เสดจ์เข้าไปปรนิบัตรพระสงฆเสม่อวันแล ๓๐ รูป แลพิเสดตั้งเทียบสำรับหน้าโรงข้างฝายซ้าย
แลอยู่ณวัน ๑ ๓ฯ ๓ ค่ำ ปีเถาะสัพศ"ก พญาอภัยะมลตรียผู้ว่าทือสมุะหะนาญกรับพระราชโองการ ฯ สังว่า ฤฤจ่ได้เชิ่นสมเดจ์พระบรํมศภเจ้ากรมหลวงโยธาเทพมาจากพระธีนงจักระหวัดไปยังพระเมรุ ณวัน ๕ ๑๔ ฯ ๓ ค่ำ เพลารุ่งแล้ว ๔ บาด ให้เจ้าพนักงานแตงการใว้ให้ครํบจํงทุกพนักงาน แลณ่วัน ๖ ๘ฯ ๓ ค่ำ หลวงเทพวรชุนกราบทูลพระก่รรุนาฉลอง ฯ ว่า เมิ่อล้นเกล้า ฯ จ่เสดจ์ ฯ เข้าไปอยูถวายพระเพลิ่งนั้น แลพระทือนั้งจักระหวัดเชิ่นสมเดจ์พระบรํมศภอยู่แล้ว จ่แตงทือรับเสดจ์ขณ่พระธิ่นั่งองไดยแล้วแต่จ่ทรํงพระก่รรุนา จึง ฯ ทรง ฯ สังแก่หลวงเทพว่า พระธีนั่งจักระหวัดนั้นสมเดจ์พระบรํมศภอยู่แล้ว ก่ให้แตงไว้ณ่พระตำนักตึกทือพระปรัดซาย[2] นั้นกอร แลจ่ได้เสดจ์ ฯ ไปอยู่แรมหามิได้ แตให้เตรียมพรม
เสื่อ ใว้ให้พร้อม ครั้นเพลาเชีนสมเดจ์พระบรํมศภออกจากพระธีนั่งจักระหวัดแล้ว ให้เจ้าพนักงานมาแตงทือรับเสดจ์ ฯ ณ่ พระทือนั้งจักระหวัดตามอยางเมือครั้งสมเดจ์พระบรํมศภณปีฉลูเบญจศกนั้น[3] แลซึ่งจ่ปลุกพระทือนั้งเอยนแลพระตำนักแลเริอนพระราชทานแลโรงพิเสดโรงน้ำร้อนนั้น ให้ทำตามแผนทือเมือครั้งปีฉลูเบญจศกนั้นเทีษ
แลครั้นการสำเรจ์แล้วอยู่ณ่วัน ๓ ๑๒ ฯ ๓ ค่ำ เกนให้นายศรีเถียรนายจำหนํง
นายเจษฎาแจงทือณ่พระทือนั่งจักระหวัด ให้นายปลัดขุนรักษมลเทียรแลหมื่นจง
นายปลัดวัง ซ้ายสรรวัดตรวจ์ตราดูการ ให้แจงทือรับเสดจ์ ฯ แลคนเขาอยู่รักษาประตูแลการทังปวง
อนึ่งเกนให้นายรัตณบันยง นายจันทมลเทียร คุมพ่นักงานเสิอพรมม่านเบาะแตงทือในพระเมรุแลขุนบำเมร่อภักเอาแผนทือครั้งสมเดจ์พระบรํมศภณปีฉลูเบญจศก ๆ ก่ราช ๑๐๙๕ ปีนั้นไปดู ให้ผูกม่ารทือให่ญยทิดอุดรทางเสดจ์ ฯ ออกพระสงฆนั้นผูกม่ารแพรพืนฃาวปักทองแกมไม่เบญพรรผูกสองไขย แลม่านนั้นสั้นจึงเอาม่านช่องกุฏอย่างดีตอริมเสาทั้งสองข้าง แลสายม่านใขนั้นไว้ข้างเสาหน้าฉารตวันออกฝายซ้าย แลม่ารข้างทือทังสองข้างนั้นม่ารชองกุฏผูกแตเสาพระเมรุ แล้วผูกเสามุคปรตูพระเมรุไปร่วมเอาเกตปรตูทิศอุดรนั้นทัง ๒ ข้าง แลม่ารซึ่งผูกต่อมาถึงปรตูพระเมรุนั้นผูกม่ารหน้ากากพืนแดงทังสองข้างแลม่ารสลักทางเสดจ์ ฯ ชั้นไนยนั้นผูกม่ารมะชลิปตำอยางดี
- ↑ พระเสลี่ยงงาเห็นจะอย่างเดียวกับเสลี่ยงที่เจ้านายทรงในกรุงเทพฯ นี้ สำหรับทรงในพระราชวัง ด้วยเล็กกว่าพระราชยาน
- ↑ ตำหนักตึกที่ปรัศซ้าย ถ้าหมายความว่าพระปรัศซ้าย ๆ อยู่ระหว่างพระที่นั่งวิหารสมเด็จกับสรรเพชญปราสาท ถ้าหมายความว่าตำหนักตึกหลังพระปรัศซ้าย อยู่ตรงที่พลับพลาตรีมุขใหม่เดี๋ยวนี้
- ↑ พุทธศักราช ๒๒๗๖ คือพระเมรุพระบรมศพสมเด็จพระเจ้าท้ายสระ