ข้ามไปเนื้อหา

หน้า:Prachum Chotmaihet Samai Ayutthaya 2510.djvu/50

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๒๒
จดหมายเหตุ สมัยกรุงศรีอยุธยา

บริบูรณ์วันละ ๒ เวลา มีทหารรักษาพระองค์ของโปปมาประจำรักษาประตูที่พักนั้นด้วย

ครั้นถึงวันที่ ๒๓ เดือนธันวาคมในปีนั้น กำหนดวันที่ทูตานุทูตสยามพร้อมกันจะได้เข้าเฝ้าโปปนั้น ฝ่ายโปปได้ทรงทราบว่า ทูตานุทูตสยามถือสาสนาต่างกัน จะมีความรังเกียจในธรรมเนียมที่ต้องจูบพระบาทซึ่งแสดงความนับถือต่อโปปตามจารีตประเพณีของโรมันแต่โบราณสืบมา เพราะฉนั้น จึงโปรดให้ยกเลิกธรรมเนียมที่ราชทูตจะต้องจูบพระบาทนั้นเสีย โปรดให้เข้าเฝ้าตามธรรมเนียมปรกติ มิได้ต้องจูบ

ครั้นถึงเวลากำหนดนั้น ท่านมหาสังฆราชผู้ว่าราชการต่างประเทศจัดให้ขุนนางที่ ๒ ของเสนาบดีคน ๑ กับบาดหลวง ๑ คุมรถที่นั่งของโปป ๒ รถ ไปรับทูตานุทูตสยามตามธรรมเนียมราชทูตใหญ่ฝ่ายเมืองเอกราช รับราชทูตสยามมาในรถ ๆ มาตามถนน มีชาวกรุงโรมมาคอยดูราชทูตสยามตามถนนเปนอันมากเหลือที่จะประมาณ รถทูตานุทูตสยามถึงประตูพระราชวังโปปนั้น มีพลทหารรักษาพระองค์เปนอันมากมายยืนรับสองข้างถนนตั้งแต่ประตูพระราชวังจนถึงในพระราชวัง รถทูตานุทูตสยามเข้าในพระราชวังจนถึงเชิงบันไดท้องพระโรง จึงลงจากรถ ขณะนั้น มหาสังฆราช ชื่อ จีโบ เปนตำแหน่งอรรคมหาเสนาบดีผู้ใหญ่ มายืนคอยรับราชทูตสยามอยู่ที่เชิงบันไดท้องพระโรงด้วย เวลานั้น มีพระสังฆราช แลบาดหลวงผู้ใหญ่ แลข้าราชการฝ่ายฆราวาศเปนอันมาก ยืนอยู่ตามท้องชาลาน่าท้องพระโรง แลสองข้างบนท้องพระโรงเต็มแน่นอัดแอกันไม่มีช่องจะเดินได้ เพราะฉนั้น นายทหารรักษาพระองค์ที่นำน่าราชทูตสยามจึงไล่คนที่ยืนตามบันไดให้หลีกเปนช่องทางให้ราชทูตสยามเดินขึ้นไปได้ ในท้องพระโรงนั้น ราชทูตเชิญพานแว่นฟ้าทองคำรับราชสาส์น ๆ จารึกลงในแผ่นสุพรรณบัตรกว้าง ๖ นิ้ว ยาวศอกเศษ ม้วนบรรจุไว้ในผะอบทองคำลงยาราชาวดีอย่างใหญ่ พระสุพรรณบัตรกับผะอบรวมน้ำหนักประมาณทอง ๒ ชั่ง มีถุงตาดเทศดวงทองหุ้มผะอบ แลมีสายรัดผูกปากถุง มีภู่ทองสองภู่ติดที่ปลายสายรัดด้วย ผะอบนั้นตั้งอยู่ในหีบถมตะทอง ๆ ตั้งอยู่บนพานแว่นฟ้าทองคำ

อุปทูตเชิญเครื่องมงคลราชบรรณาการ มีถุงตาดตาตั๊กกะแตนหุ้มตั้งบนพานทองคำชั้นเดียว ตรีทูตเชิญของถวาย เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ อรรคมหาเสนาบดีกรุงสยาม มีถุงเข้มขาบพื้นเขียวหุ้ม๑ ถุงตั้งบนพานถมตะทองสำหรับถวายโปป ทูตานุทูตสยามทั้ง ๓ นายแต่งกายเต็มยศตามธรรมเนียมสยาม คือ นุ่งยกทองพื้นเขียว สวมเสื้อสักหลาดแดงขลิบทอง คาดเข็มขัดสายทองคำนอกเสื้อ เหน็บกระบี่ฝักแลด้ามทองคำ สวมพอกเกี้ยวกระจังทองคำสูงสามนิ้วปักดอกไม้ไหวเพ็ชร มีสายสร้อยทองคำผูกนอกรัดคาง เหมือนกันทั้ง ๓ นาย เดินเข้าไปในท้องพระโรงพร้อมด้วยบาดหลวงล่ามผู้กำกับไปจากกรุงสยามนั้น ฝ่ายโปปทรงพระนามว่า พระเจ้าอินนอเซนต์ที่ ๑๑ เอกอรรคมหาชนกาธิปตัยในกรุงโรม เสด็จออกประทับบนพระแท่นในท้องพระโรง มีมหาสังฆราชนั่งบนเก้าอี้ต่อน่าพระที่นั่งออกมาสองข้าง ๆ ละ ๔ รูป ราชทูตสยามเชิญพานพระราชสาส์นเดินตรงเข้าไปตั้งไว้บนโต๊ะตรงน่าพระแท่น แล้วเดินถอยหลังออกมาพักนั่งที่เฝ้า ขณะนั้น บาดหลวงล่ามผู้กำกับ