บูชานั้น ครั้นทหารไปดูก็เห็นแล้วกลับมาทูลว่า อขมะมอญกระทำพระรูปไว้บูชานั้นจริง เจตะสุกรีมีความโสมนัสยินดี ก็มิได้ทำโทษสิ่งใดแก่อขมะมอญ ๆ ก็บังคมลากลับเข้ามาเมือง จึงแต่งเครื่องบริโภคของเสวย เอาเนื้อฟานสดมาประกอบยาพิษใส่ แล้วก็ใส่ชะลอมส่งให้คนเอาไปถวายเจตะสุกรี เมื่อเจตะสุกรีจะถึงแก่ความพินาศ มิได้พิจารณาซึ่งมัจฉะมังสาหาร ให้ยินดีที่จะบริโภคเป็นกำลัง จึงสั่งให้พ่อครัวเอาเนื้อฟานไปแต่งเครื่องเสวย ครั้นพ่อครัวทำเครื่องเสร็จแล้วก็นำเข้าไปถวายแก่เจตะสุกรี ๆ ก็เสวยเนื้อฟานเข้าไป ศีรษะแม่มือซึ่งถูกสายธนูนั้นก็เป็นพิษกำเริบขึ้น เจตะสุกรีก็ถึงแก่กาลกิริยาตาย
ฝ่ายอขมะมอญก็ให้ตรวจรักษาหน้าที่ค่ายคูประตูหอรบเป็นมั่นคง และเสนาบดีนายทัพนายกองซึ่งมาด้วยเจตะสุกรีนั้นก็ตกใจร้องไห้อื้ออึงไปทั้งกองทัพ จะมีใครคิดการต่อไปหามิได้ ก็เอาศพเจตะสุกรีนั้นไปเผาเสีย แล้วก็ร้องไห้ร่ำไรรักเจตะสุกรีว่า พระองค์ค่อยอยู่เถิด ข้าพเจ้าจะถวายบังคมลาไปแล้ว ที่เจตะสุกรีตายนั้นรามัญเรียกว่าตำบลเจ้าตายตราบเท่าบัดนี้
ฝ่ายเสนาบดีนายทัพนายกองทั้งปวงก็ยกทัพกลับไปเมืองภุกาม แล้วก็กราบทูลซึ่งเหตุอันสมิงอขมะมอญกระทำแลเจตะสุกรีถึงแก่ความตายนั้นให้พระเจ้าภุกามทรงทราบทุกประการ พระเจ้าภุกามได้แจ้งแล้วก็ทรงพระอาลัยถึงพระราชบุตรเขยเป็นกำลัง ก็ยิ่งทรงพระโกรธแก่อขมะมอญ จึงให้จัดแจงกองทัพจะให้ยกไปจับอขมะมอญอีก