เงินดูในกรมซึ่งจะใช้เปนเดือน ๆ ไปจนตลอดปี คือ เหมือนหนึ่งทหารบกเดือน ๑ นายเท่านั้น เลวเท่านั้น รวมเปนเดือนเท่านั้น ค่าเบี้ยเลี้ยงเดือน ๑ เท่านั้น ค่าเข้า ค่าฟืน ค่าเสื้อ ค่าร่ม แลอื่น ๆ บันดาซึ่งเบิกคลังอยู่ทั้งสิ้น กะลงเสียว่าเดือนหนึ่งเท่าใด แล้วรวมเปนปี ๑ ว่าคงจะไม่ใช้เกินกว่าเท่านั้น เรือรบก็กำหนดเสียว่าลำ ๑ ค่าฟืน ค่าน้ำมัน ค่าสเบียง เท่านั้น ๆ เงินเดือนทหารต้นหลคนเรือรวมปี ๑ เท่านั้น โรงกระสาปน์สิทธิการก็ให้กำหนดเหมือนดังนั้น มายื่นที่เจ้าพนักงานพระคลังมหาสมบัติณหอรัษฎากรพิพัฒน์ไว้เสียปลายปี จะได้ประมาณดูกับเงินที่จะได้ แล้วจะได้ถวายพระบาทสมเดจพระเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยเคาน์ซิล เมื่อถึงเดือนก็ให้เจ้าพนักงานกรมนั้น ๆ ตั้งฎีกาเบิกเปนเดือน ๆ ตามซึ่งได้กะไว้แล้วนั้น ถ้าเหมือนหนึ่งเรือรบไม่ได้ไปแห่งใด จะลดค่าฟืน ค่าน้ำมัน ค่าเงินเดือน ลงเท่าไร ก็ให้เจ้าพนักงานตั้งเบิกแต่เพียงที่คงอยู่ อย่าให้เบิกเตมตามซึ่งกะไว้เดิมเหมือนหนึ่งโรงกระสาปน์สิทธิการ ถ้าหยุดไม่ได้ทำการ ก็ให้คิดเฉลี่ยตามรายวันซึ่งหยุด ถ้าเปนการจรมีขึ้นในกรมนั้น คือ เหมือนหนึ่งเครื่องจักรเสีย ก็ให้เจ้าพนักงานทำแซงชั่น คือ หนังสือขออนุญาติตามซึ่งจะมีในพระราชบัญญัติต่อไปค่างน่า ถ้านายด้านนายงานจะทาการก่อสร้าง เมื่อได้รับพระบรมราชโองการสั่งแล้ว ก็ให้นายด้านผู้นั้นกะจำนวนเงินซึ่งจะทำมายื่นยังเจ้าพนักงานพระคลังมหาสมบัติให้ทราบ จะได้กะเงินไว้ให้ภอ แล้วตั้งฎีกาเบิกตั้งเปนรายเดือนยังเช่นว่ามาแล้วนั้น ถ้าผู้ใดอยากจะทราบ ก็ให้คอยฟังพระราชบัญญัติประกาศสำหรับผู้ซึ่งจะทำการด้านแลจะเบิกเงินพระคลังมหาสมบัติต่อไปค่างน่าเถิด จะว่ามาให้เลอียดก็ยืดยาวนัก ก็ผู้ซึ่งจะทำการแลจะเบิกเงินตามกรมดังนี้ ก็เปนที่ไว้วางพระราชหฤไทยแล้ว จึ่งได้โปรดให้รักษาการกรมต่าง ๆ แลให้ทำการด้านทางทั้งปวง เมื่อได้รับเงินรวมปีไปอย่างนี้แล้ว จะจัดซื้อสิ่งของสิ่งไรในกรมนั้นก็ให้จัดซื้อเอาเองเถิด อย่าให้ต้องเบิกฃองคลังเลย แล้วจึ่งทำรายฎีกาสิ่งฃองให้เลอียดมายื่นยังเจ้าพนักงานพระคลังมหาสมบัติแลเบิกเงินไปตามสมควรเถิด ฯ เมื่อเจ้าพนักงานกรมต่าง ๆ จัดซื้ออยู่เองดังนี้แล้ว การที่จะจับจ่ายในพระคลังต่าง ๆ นั้นก็น้อยลง คงจะมีจ่ายอยู่แต่การเลกน้อย จึ่งจะให้ตั้งพระราชบัญญัติสำรับพระคลังเหล่านั้นให้เรียบร้อยทุก ๆ พระคลัง การที่ว่ามานี้เปนแต่ความย่อ ๆ ได้ทรงพระราชดำริห์ไว้ในเคาน์ซิลถี่ถ้วนทุกประการ ให้คอยฟังดูเถิด การซึ่งทรงจัดครั้งนี้นั้น ท่านทั้งปวงได้ยินความ ยังไม่ทราบการลเอียด ก็จะเปนที่สดุ้งสเทือนหวั่นไหวไปว่า ในหลวงมิรแวงแคลงขุนน้ำขุนนางไปอย่างไรฤๅ จึ่งได้จัดการขึ้นใหม่ ก็ท่านผู้ซึ่งได้ยินความว่ามาข้างต้นแล้วนั้นจงดำริห์ตริตรองเทียบเคียงดูกับการซึ่งเปนอยู่เดี๋ยวนี้ ตั้งใจให้เที่ยงธรรม ก็คงจะแลเหนว่าการเปนอย่างไร พระราชประสงค์นั้นจะให้บาญชีรับบาญชีจ่ายตรงกันเปนต้น จะได้จัดรับจ่ายให้เรียบร้อยต่อไป อนึ่ง พระราชบัญญัติพระคลังมหาสมบัตินั้นก็ได้ทำแล้วเสรจ ยังแต่จะสอบแก้ไฃแลจะขึ้นปฤกษาเคาน์ซิลต่อไป อนึ่ง ความฎีกาซึ่งราษฎรทำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายนั้น ได้โปรดให้เคาน์ซิลลอร์ซึ่งว่างการประชุมกันปฤกษาตัดสีนแลชำระตั้งแต่ณวันพฒ เดือนแปดบุรพาสาธ ขึ้นสิบเอดค่ำ มาจนถึงวันเสาร์ เดือนแปดบุรพาสาธ ขึ้นสิบสี่ค่ำ ได้ปฤกษาตัดสีนกันไปหลายสิบเรื่อง กำหนดวันแรมค่ำหนึ่ง เดือนแปดบุรพาสาธ จะได้ประชุมเคาซิลลอร์ออฟสเตดในพระที่นั่งสมมุติเทวราชอุปบัติต่อไป ๚ะ
ณวันเสาร์ เดือนแปดบุรพาสาธ ขึ้นสิบสี่ค่ำ เวลาเช้ากำหนดจะเสดจพระราชดำเนินเกาะบางป่าอินทร์ ประทับแรมบนพระที่นั่งไอยสวริย์ทิพยอาศน์ซึ่งทำขึ้นใหม่สองราตรี คือ สิบสี่ค่ำคืนหนึ่ง สิบห้าค่ำคืนหนึ่ง วันจันทร์ เดือนแปดบุรพาสาธ แรมค่ำหนึ่ง เวลาเช้าเสดจพระราชดำเนิรกลับ เวลาค่ำจะเสดจออกในที่เคาน์ซิลออฟสเตดในพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ ๚ะ
๏ณวันเสาร์ ขึ้นเจดค่ำ เดือนแปดบุรพาสาธ ปีจอฉศก ๑๒๓๖ เวลาบ่าย ๓ โมงเสศเสดจออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือนเฝ้าตามลำดับกันตามธรรมเนียม ครั้นเสดจขึ้นแล้ว ไปประทับที่ในพระฉากครู่หนึ่ง แล้วเสดจพระราชดำเนินขึ้นพระที่นั่งมูลสฐานบรมอาศน์ แล้วเจ้าพระยาสุรวงษไวยวัฒน์ ม.ส.ส., ป.จ. เข้าไปเฝ้าแล้วก็กลับ