เกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานลงพิมพ์ประทับตราเปนสำคัญในกระดาษแผ่นหนึ่ง เปนราคาอัฐหนึ่ง แลในกระดาษอัฐนั้นมีดวงตราแผ่นดินใหญ่ดวง ๑ เลกดวง ๑ แลมีหมายเลข ๑ เลข ๒ เลข ๓ ขึ้นไปมิให้ซ้ำตัวเลขได้ ให้ราษฎรทราบโดยง่าย เพราะจะมิให้ผู้ใดผู้หนึ่งทำปลอม ถ้าผู้ใดเหนตัวเลขที่หมายมีซ้ำเหมือนกัน ก็ให้พิเครา⟨ะ⟩ห์ดูดวงตราแลลายขอบกระดาษโดยละเอียด ก็คงจะทราบว่าเปนอัฐปลอม แลอัฐกระดาษที่ได้ทำนี้ให้ราษฎรใช้ไปพลางก่อน ถ้าตั้งเครื่องจักรแล้ว จะให้เจ้าพนักงานทำเบี้ยทองแดงใช้ต่อไป แลกระดาษที่ใช้แผ่นละอัฐนี้ เมื่อผู้ใดมีมาก ไม่หยากจะเกบรักษาไว้ กลัวจะเปียกน้ำฃาดหายไป จะมาขึ้นคืนเอาเงินเมื่อใด ก็ให้มาที่หอรัษฎากรพิพัฒน์ในเวลา ๕ โมงเช้ากระทั่งถึง ๓ โมงเยน ให้เจ้าพนักงานรับคิดเงินให้ในวันเวลาที่กำหนดไว้นั้น มิให้ล่วงวันเวลาไปได้ ถ้าอัฐกระดาษที่ราษฎรมาขึ้นนั้น ถึงจะขาดเปนสองท่อนสามท่อนก็ดี ถ้าชนประจบต่อกันเหนเปนอันเดียวได้ ให้เจ้าพนักงานคิดเงินให้หย่างอัฐกระดาษดีเหมือนกัน ห้ามอย่าให้เจ้าพนักงานซึ่งเปนผู้รับขึ้นอัฐกระดาษนั้นเรียกเอาสิ่งหนึ่งสิ่งใดกับราฎษรเจ้าของอัฐกระดาษที่มาขึ้นให้ได้ความเดือดร้อนเปนอันขาดทีเดียว จึ่งมีพระบรมราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสิงหนาทให้พระยาราชภักดีศรีรัตนราชสมบัติ ม.ส.ม., ป.จ. จ่างวางพระคลังมหาสมบัติ ประกาศแก่พระบรมวงษานุวงษแลข้าทูลอองฯ ราษฎรให้ทราบทั่วกัน ในเดือนแปดทุติยาสาธ ขึ้นค่ำหนึ่ง ปีจอฉศกนี้ จะโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานพระคลังมหาสมบัติณหอรัษฎากรพิพัฒน์ออกอัฐกระดาษไช้แทนอัฐดีบุกไปกว่าโรงกระสาปน์สิทธิการจะแล้วจะได้ทำอัฐทองแดงเปลี่ยนอัฐกระดาษ ให้ราษฎรไช้อัฐกระดาษนี้ไป อย่ามีความสดุ้งหวั่นหวาดสงไสเข้าใจผิด ๆ ไปเลย ประกาศมาณวันจันทร เดือนแปดปะฐมาสาธ แรมค่ำหนึ่ง ปีจอฉศก ศักราช ๑๒๓๖ เปนปีที่ ๗ ในราชกาลปัตยุบันนี้ ๚ะ
๏ข่าวเคาน์ซิลออฟสเตดที่ปฤกษาราชการแผ่นดิน ประชุมวันจันทร เดือนแปดบุรพาสาธ ขึ้นเก้าค่ำ ในพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปปัติ ทรงพระราชดำริห์ปฤกษาด้วยการซึ่งจะจ่ายสิ่งของจากพระคลังต่าง ๆ พระยาราไชสวริยาธิบดี เคาน์ซิลลอร์ออฟสเตด ต.จ. ได้เรียบเรียงรายการในพระคลังต่าง ๆ ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพร้อมด้วยเคาน์ซิล ทรงพระราชดำริห์ว่า ทุกวันนี้จะจัดการเกบเงินขึ้นในพระคลังมหาสมบัติ แลจะคิดจ่ายให้เรียบร้อยขึ้นกว่าแต่ก่อน ในพระคลังต่าง ๆ เหล่านี้เบิกเงินจัดซื้อสิ่งของจ่ายราชการปีละหลาย ๆ พันชั่ง จะต้องจัดเปนธรรมเนียมเสียให้เรียบร้อย ด้วยฃองในพระคลังต่าง ๆ ซึ่งจัดซื้อขึ้นนั้น แต่เดิมเงินพระคลังมหาสมบัติจ่ายไม่ใคร่จะทัน ต้องคิดค่างอยู่นาน ๆ ผู้ซื้อขายฃองก็คิดเอาเอากำไรดอกเบี้ยหลายเท่าหลายต่อ อนึ่ง จีนเจ้าภาษีซึงเเงินหลวงค้างขอส่งสิ่งของแทน ก็คิดเอารัดเอาเปรียบมาก บัดนี้จะมีพระราชบัญญัติให้ส่งเงินตามงวด ห้ามมิให้หักจ่ายเหมือนแต่ก่อน ถ้าการนี้สำเรจเรียบร้อยไป ก็คงจะได้ตัวเงินมาใช้เสมอไม่ขาด ก็ยังจะต้องซื้อของแพงจ่ายเสียเปล่าอยู่อย่างเดิมนั้น จะเปนผูกปากถุงก้นถุงรั่วไป อนึ่ง เงินซึ่งเจ้าพนักงานเบิกไปซื้อของรองราชการนี้ได้มาจายสิ่งไรบ้าง จะหมดตามจำนวนเงินซึงเบิกไปฤๅไม่หมดตามที่เบิกก็ไม่ทราบ เจ้าพนักงานพระคลังมหาสมบัติจะรวมรายรับรายจ่ายได้เปนอันยาก เพราะนายด้านแลเจ้าพนักงานทั้งปวงเบิกของแยกคลังกัน เหมือนหนึงเงินเบิกจากคลังมหาสมบัติ เหลกไม้เบิกจากพระคลังในขวาก็มี ตั้งฎีกามาเบิกเงินไปซื้อก็มี เครื่องทองเหลืองน้ำยาศรีต่าง ๆ เบิกคลังในซ้ายก็มี ซื้อก็มี น้ำมันฟืนเบิกจากพระคลังราชการ แลอื่น ๆ เปนอันมากซึ่งเบิกบ้างซื้อบ้าง ดังนี้ จะกำหนดว่าสิ่งไรทำขึ้นสร้างขึ้นสิ้นเงินสักเท่าใดก็ไม่ทราบเลยสักรายเดียว ทหารบกทหารเรือโรงจักรแลการอื่น ๆ สาระพัดทั้งสิ้นก็กำหนดไม่ได้ว่าปีหนึ่งใช้เท่าใดเพราะแยกย้ายกันอยู่ดังนี้ จึ่งทรงพระราชดำริห์ว่า จะตั้งเปนธรรมเนียมสำหรับเจ้าพนักงานพระคลังมหาสมบัติซึ่งจะจ่ายเงิน แลเจ้าพนักงานกรมต่าง ๆ นายด้านซึ่งทำารก่อสร้างต่าง ๆ ว่า ตั้งแต่วันซึ่งกำหนดในพระราชบัญญัติที่จะออกต่อไปข้างน่า ถ้าเจ้าพนักงานกรมใด ๆ ซึ่งมีการอยู่ในกรมที่ควรจะเบิกเปนประจำเดือนได้ คือ กรมทหารบก เรือรบ ทหารเรือ แลกรมโรงกระสาปน์สิทธิการ เปนต้น จนถึงกรมอื่น ๆ ซึ่งจะเบิกเงินเปนประจำเดือนได้ซึ่งคล้าย ๆ กับกรมเหล่านี้ เมื่อถึงปลายปี ให้เจ้ากรมฤๅผู้ซึ่งเปนพนักงานในการนั้นคิดประมาณ