แผ่นดินพึ่งสงบ ซึ่งท่านคิดทั้งนี้ข้าพเจ้าเห็นชอบด้วย ให้ท่านเร่งคิดทำเถิด แล้วว่าให้ท่านหาขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยไป ณ สวนดอกไม้ตำบลอุนเบงหุ้ย ถ้าขุนนางพร้อมแล้วจึงปรึกษาว่า จะให้ยกหองจูเปียนเสีย จะให้หองจูเหียบเสวยราชย์ ถ้าขุนนางผู้ใดไม่ยอมก็ให้จับตัวฆ่าเสีย ท่านก็จะมีอาญาสิทธิ์สืบไป ตั๋งโต๊ะได้ฟังดังนั้นมีความยินดียิ่งนัก
อยู่มาวันหนึ่งให้แต่งโต๊ะแล้ว ให้หาขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยมา แลขุนนางทั้งปวงเกรงตั๋งโต๊ะสิ้น ก็พากันไป ณ สวนดอกไม้นั่งล้อมจะกินโต๊ะ ตั๋งโต๊ะเห็นขุนนางพร้อมแล้วก็ถือกระบี่ออกมา จึงห้ามว่าอย่าเพ่อเสพย์สุรา เราจะปรึกษาราชการข้อหนึ่งก่อน ขุนนางทั้งปวงก็นิ่งคอยฟังอยู่สิ้น ตั๋งโต๊ะจึงว่าทุกวันนี้หองจูเปียนได้เสวยราชสมบัติ อุปมาดังสีสะแลหัวใจเสนาบดีกับอาณาประชาราษฎรทั้งปวง แต่ไม่มีสง่าอาญาสิทธิ์ให้ขุนนางแลราษฎรเกรงกลัว บัดนี้เราเห็นหองจูเหียบมีสติปัญญาแหลมหลักกล้าหาญ เราจะให้ถอดหองจูเปียนเสีย จะให้หองจูเหียบเสวยราชย์ แผ่นดินจึงจะอยู่เปนสุข ท่านทั้งปวงจะเห็นประการใด ขุนนางทั้งนั้นนิ่งเสียสิ้น แต่เต๊งหงวนเจ้าเมืองเต๊งจิ๋วนั้นยืนขึ้นแล้วร้องว่าแก่ตั๋งโต๊ะว่า ตัวเปนขุนนางหัวเมืองมาทำองค์อาจจะถอดเจ้าเสีย แลหองจูเปียนนั้นเปนพระราชบุตรเอก พระเจ้าเลนเต้จึงยกราชสมบัติให้แล้วหองจูเปียนมิได้มีความผิด ตัวคิดอ่านทั้งนี้จะเปนขบถหรือจึงว่ากล่าวดังนี้ ตั๋งโต๊ะได้ยินดังนั้นก็โกรธจึงร้องว่า เราปรึกษาราชการที่ดีสิไม่เห็นด้วย ผู้ใดซึ่งองค์อาจเข้ามาว่ากล่าวขัดขวางนั้น กูจะเอา