หองจูเหียบมีสติปัญญาพูดจาหลักแหลมนัก กูจะคิดอ่านยกหองจูเปียนออกเสีย จะให้หองจูเหียบเปนเจ้าแผ่นดินในเมืองลกเอี๋ยง แลตั๋งโต๊ะกับขุนนางทั้งปวงส่งพระราชบุตรทั้งสองเข้าไปถึงในวัง แล้วตั๋งโต๊ะก็กลับออกไปตั้งทัพอยู่นอกเมือง
ฝ่ายนางโฮเฮาครั้นเห็นพระราชบุตรกลับมาได้ก็มีความยินดี จึงได้ตราวตราเครื่องอานทรัพย์สิ่งของในท้องพระคลังก็ดีอยู่สิ้น หายไปแค่ตราหยกสำหรับว่าราชการเมือง แลตั๋งโต๊ะนั้นคุมทหารมาเที่ยวเล่นในเมืองหลวงเนือง ๆ อยู่ แลพรรคพวกทั้งปวงเก็บเอาทรัพย์สิ่งสินทั้งปวงของอาณาประชาราษฎรเปนอันมาก ผู้ใดมิได้ว่ากล่าว แลตั๋งโต๊ะเข้าเฝ้ามิได้คำนับเสนาบดีผู้ใหญ่ เปาสิ้นเห็นดังนั้นไปปรึกษากับอ้วนเสี้ยวว่าตั๋งโต๊ะนี้นานไปเห็นจะทำการกำเริบขึ้น เราจำจะคิดล้างมันเสียให้ได้ก่อน อ้วนเสี้ยวจึงว่าการแผ่นดินพึ่งสงบ ครั้นเราจะด่วนทำดังนั้นไม่ควร เปาสิ้นจึงไปหาอ้องอุ้นปรึกษาเหมือนว่ากับอ้วนเสี้ยวนั้น อ้องอุ้นจึงว่าคิดดงนี้ก็ชอบอยู่แล้ว ของดแต่พอปรึกษากันดูก่อน เปาสิ้นคิดความมีตลอดมีความน้อยใจ ก็พาพรรคพวกออไปอยู่ป่า
ฝ่ายตั๋งโต๊ะจึงเกลี้ยกล่อมนายทหารทั้งปวงซึ่งอยู่กับโฮจิ๋นแต่ก่อนนั้นเข้าอยู่ในอำนาจสิ้น ตั๋งโต๊ะจึงกำเริบขึ้น แล้วปรึกษากับลิยูว่า เราจะยกหองจูเปียนเสีย จะให้หองจูเหียบเสวยราชย์ ราชการแลขุนนางทั้งปวงก็จะเปนสิทธิ์แก่เรา ภายหน้าไปจะคิดการสิ่งใดก็จะได้สดวก ลิยูจึงตอบว่า ทุกวันนี้มีเจ้าก็เหมือนหนึ่งหาไม่ เสนาบดีสำเร็จราชการก็ไม่มี