โคลงกวีโบราณ/โคลง

จาก วิกิซอร์ซ
โคลงกวีโบราณ

 ข้าพระพุทธเจ้า พญาตรัง จ่าโคลงบุราณไว้ ได้ถวาย

พระราชนิพนธ์
พระเทวีศุโขไทย
พระเจ้าล้านช้าง
สนมข้างใน
ศรีธนญไชย
บิดาศรีปราชญ์
ศรีปราชญ์
พระศรีมโหสถ
พระเยาวราช
นายชาลี มหาดเล็ก
บุราณแต่งไว้ ๑๓
เจ้าฟ้าอไภย ๒๕
พระนาคท่าทราย ๒๒
พญาตรัง ๒๔
โคลงประจำกาพย์
ทวาทศมาศฉบับใหญ่
รวม ๑๒๗ บท

พระราชนิพนธ์
 พระเรียมมาแขกน้อง ถึงกง
มีมโนรถจง จอดเจ้า
เรียมคลาครไลหงษ์ บารนี่ มาแม่
คุณบารนี่น้องเหน้า หน่อไท้เทวี ฯ
พระเทวี
 พระผัวพระผ่านเผ้า นฤพาน
ไฟไป่ดับแดดาล หมื่นม้วย
สดักลูกเหลนหลาน เรียงรอบ ตัวแฮ
เถ้าวอกเว้ากัดกล้วย ริรื้อทำสาว ฯ
พระราชนิพนธ์
 ทังหลายว่าแม่เถ้า มานยาว
พระว่านางยังสาว ไป่เถ้า
ทัดดอกพลับพลึงขาว แซมเกษ
สระกว่าสาวสิบเข้า แข่งหน้าบูรณจันทร์ ฯ
 ศศิวรเดชฤ้ๅ งามนัก
อ้าใช่เดือนเพ็ญพักตร์ หนุ่มเหน้า
อักษรบวรลักษณ์ เลืองแต่ง ผจงฤๅ
อ้าใช่นางฟ้าเจ้า พี่ใช้อย่าไฉน ฯ
พระเทวี
 ทินกรวรเดชฤ้ๅ งามยง ยิ่งแฮ
อ้าใช่อาทิตย์จง อยู่เกล้า
นารายน์เสด็จลง มาแปลก ปลอมฤๅ
อ้าใช่นารายน์เจ้า พระผู้เสด็จมา ฯ
ศรีปราชญ์
 โคลงสองธกล่าวอ้าง หญิงชาย
คือสมรรถไชยพาย เฟื่องฟื้น
สรมุขวิ่งวางสาย ชลเชี่ยว
สองอาจแขงขมังขึ้น แข่งให้กันเสมอ ฯ
พระเทวี
 เชิญไทธิราชไท้ เสด็จยูร ยาตรแฮ
กั้นก่อภพไอสูรย์ สืบหล้า
ขอถวายธิดาทูล ทรงบาท
แต่บพิตรเจ้าฟ้า ผ่านหล้าครองเมือง ฯ
ศรีปราชญ์ต่อพระนิพนธ์

 หวังตามาลั่นได้ เปนเขย
สรวลแต่ชาวเราเหย หะห้าย
เชิญพระตระกองหมาย กรหนุ่ม ดีพ่อ
นางแก่กลกามหม้าย หม่นเศร้าโรยโฉม ฯ
บโทนต่อพระนิพนธ์
 เรียมพิศแต่บาทเท้า ถึงผม
บต่ำบสูงสม แน่งน้อย
อ้อนแอ้นอ่อนเอวกลม กำรอบ
ติแต่นมเล็กน้อย หนึ่งนั้นเสียโฉม ฯ
พระนิพนธ์
 ชาลีเชื้อชาติชิ้ง ชาลี
นามแม่อามอัปรี ต่ำต้อ
พ่อมึงชื่อตาศรี ขายถ่าน
ส่วนตัวมึงคือกร้อ แต่งไว้วิดเรือ ฯ
นายชาลี
 ชาลีใช่ชาติเชื้อ ชาลี
นามแม่นาฎมัทรี เผ่าท้าว
บิตุเรศชื่อพระศรี เพสยัน ดรนา
ปู่ข้าผู้หาญห้าว ชื่อท้าวสญไชย ฯ
นางข้างใน
 หะหายกระต่ายเต้น ชมจันทร์
มันบ่เจียมตัวมัน ต่ำต้อย
นกยูงหากกระสัน ถึงเมฆ
มันบ่เจียมตัวน้อย ต่ำเตียเดียรฉาน ฯ
ศรีปราชญ์
 หะหายกระต่ายเต้น ชมแข
สูงส่งสุดตาแล สูฟ้า
ระดูฤดีแด สัตวสู่ กันนา
อย่าว่าเราเจ้าข้า อยู่พื้นดินเดียว ฯ
ศรีปราชญ์ทูลเปนโคลง
 ครืนครืนสนั่นพื้น ปัถพี
เสียงตะขาบขับตี เร่งร้น
ภูธรธเรศตรี สุรสั่ง เองแฮ
ร้องสำทับช้างต้น เพิดแก้วมาเมือง ฯ
นายประตูถามเปนโคลง
ศรีปราชญ์บอกเปนโคลง
 แหวนนี้ท่านได้แต่ ใดมา
เจ้าพิภพโลกา ท่านให้
 ทำซึ่งสิ่งใดนา วานบอก
เราถวายกาพย์โคลงไท้ ท่านให้รางวัล ฯ
เจ้าเชียงใหม่ถามเปนโคลง
ศรีปราชญ์ตอบเปนโคลง
 รังษีพระเจ้าฮื่อ ปางใด
ฮื่อเมื่อพระเสด็จไป ป่าแก้ว
 รังษีบ่สดใส สักหยาด
ดำแน่นอกในแผ้ว ผ่องเนื้อนพคุณ ฯ
ศรีปราชญ์ ๕ บทลงไว้

 ไยแม่หิ้วนั้นใช่ จะตก
เอาพระกรมาปก ดอกไม้
สองมือทบตีอก ครวญใคร่ เห็นนา
หัวยะยิ้มรอยให้ พี่เต้าไปหา ฯ
 ออกปากไว้แก่เจ้า เปนสัตย์
ดั่งหนึ่งเหลี่ยมเพ็ชรรัตน์ ยอดตั้ง
ขอร่วมภิรมย์สวัสดิ์ เสมอชีพ
จงแม่เชื่อเรียมครั้ง หนึ่งนี้ลองดู ฯ
 ปลอกคำด้ำมีดเขี้ยว พยุนหาย
ตัวบ่คิดเสียดาย แต่ด้ำ
แม้มีที่ซื้อขาย ของเก่า
ทองแท้งเนื้อเจ็ดน้ำ ชั่งให้ฤๅเสมอ ฯ
 ธรณีภพนี้เพ่ง ทิพพยาน หนึ่งรา
เราก็ลูกอาจารย์ หนึ่งบ้าง
เราผิดท่านประหาร เราชอบ
เราบผิดท่านมล้าง ดาบนี้คืนสนอง ฯ
 เจ้าอย่าย้ายคิ้วให้ เรียมเหงา
ดูดุจนายพรานเขา ฬ่อเนื้อ
จะยิงก็ยิงเอา อกพี่ ราแม่
เจ็บไป่ปานเจ้าเงื้อ เงือดแล้วราถอย ฯ
พระเยาวราช

 เจ้าอย่าย้ายคิ้วช่ำ มเลืองมา
อย่าม่ายเมียงหางตา ร่อเหล้น
จะมาก็มารา อย่าเหนี่ยว นานเลย
ครั้นพี่มาอย่าเร้น เรียกเจ้าจงมา ฯ
พระศรีภูริปรีชา

 ยามดึกวิเวกด้วย เสียงนก
เค้าแสรกแถกถาผก กู่ร้อง
ยอกรกอดกับอก ออมสวาดิ
มือตระโบมโลมน้อง ปากพร้องรับขวัญ ฯ
ศรีธนญไชย ๓ บท

 มลักเห็นม้าซ้อนเมื่อ มันศุข
ล้วนเล่ห์กลยลสนุกนิ์ ใช่น้อย
มาเห็นเมื่อมันคลุก กันอยู่
แหนงจึ่งกลับไปจ้อย แม่เหย้าเรือนตน ฯ
 เรียมไห้ชลเนตรถ้วม ถึงพรหม
พาหมู่สัตวจ่อมจม ชีพม้วย
พระสุเมรุเปื่อยเปนตม ทบท่าว ลงแฮ
อักนิฐมหาพรหมฉ้วย พี่ไว้จึงคง ฯ
 ผิดผีผียั้งละ ลาเพ
ผิดพระราชโปเล จะข้า
เหนื่อยนักพักพอเท ปะแม่ กระมังนา
ในพระกฤษฎิกาอ้า ท่านไว้ยังไฉน ฯ
พระมหาราช

 มลักเห็นใบจากเจ้า นิรมิตร
เปนสำเภาไพจิตร แป๊ะโล้
จะลงระวางวิด จวนแก่ อกเอย
แม้นหนุ่มวันนี้โอ้ พี้เพียงเดินสาน ฯ
โบราณแต่งไว้ ๑๐ บท

 ครืนครืนกลใช่ฟ้า เรียมครวญ
ฝนใช่กลฝนชวน พี่ไว้
ลมก็ใช่ลมหวน ใจพี่ หวนนา
ไฟใชกลไฟไหม้ สวาดิไหม้ใจเรียม
 วิศณุกฤษณเกล้า กษิรสินธุ์ สมุทแฮ
นิทรปฤษฎางค์นาคิน ตื่นช้า
ธาดาท่านทฤษดิน ดูโลกย์
เชิญช่วยเล็งทุกข์ข้า ราศร้างแรมสมร ฯ
 ศุลีตรีเนตรเรื้อง เรืองฤทธิ
พรหเมศแมนสรวงสิทธิ สี่เกล้า
เชิญพระบรรธมนิทร เหนือนาค
เสร็จสำราญทุกข์เร้า รุ่งฟ้าดินขจร ฯ
 ทรงเพ็ชรประจญแทตย์ท้าว ดาวดึงษ์
นำนิกรอมรพึง พรั่งพร้อง
ยามาดุสิตอึง อาราธน์
ปรายกุสุมทิพยร้อง เรียกท้าวชมไชย ฯ
 จาตุรมหาราชไท้ จตุรทิศ
ยเมศมาราฤทธิ ข่ายข้อง
พันแสงศศิสถิตย์ โพยมมาศ
วายุพรุณรุทร้อง อ่านอ้างชวนเชิญ ฯ
 แล่นรถสุริเยศม้า แมนผยอง
คือศิขรเขาทอง เฟื้องฟ้อน
ตรีมูลเมฆเรืองรอง อรุโณทย์
ควรคือองค์กลิ่นป้อน เปลี่ยนชู้ชิวหา ฯ
 พิทยุพยัพเมฆครื้น ครวญหาว
พรุณร่วงรินโรยฉาว ชุ่มฟ้า
โพยมมาศมืดมัวดาว เดือนดับ ไปแม่
โหยละห้อยขวัญอรอ้า สวาดิน้องใครโลม ฯ
 บิดุฉาภาสิตเชื้อ เขมรมา ก็ดี
เปนแต่บุตรนัดดา สืบแส้
นานนานจึ่งเจรจา เต็มคิด พระเอย
เสียมิทำจำแล้ พี่เพี้ยงมีคุณ ฯ
 สี่หน้าบบ่ายหน้า ดูดิน
ตรีเนตรลืมแลถวิล แหล่งหล้า
นารายน์บรรธมสินธุ์ นานตื่น
สองโศกสามเจ้าฟ้า บ่เอื้ออาดูร ฯ
 นพบุรีบุเรศเจ้า สุดเจียว
ยังแต่พิภพเดียว ดอกฟ้า
แสนโกฏิจักมาเยียว หยากเยื่อ
ทรงพระไตรรัตนรุ่งหล้า เลิศล้ำเลอสวรรค์ ฯ
เจ้าฟ้าอไภย ๒๕ บท
 เก้าค่ำย่ำรุ่งร้น เรืองแสง
พลแหพัตราแลง เถือกถ้า
ฆ้องคึกบันดานแสยง เสียงปี่
หน้าพี่ตรวจถ้วนหน้า ขาดหน้านางเดียว ฯ
 มาเห็นเกาะพระแล้ว ลาลด
เสี่ยงซึ่งความรันทด ทอดไม้
เห็นไม้ไม่ปรากฎ คืนแม่ มานา
โรคบ่เบียนน้องไข้ พี่ไข้ใจถึง ฯ
 มาถึงเจ้าปลุกปล้ำ ใจนัก
ด้วยบวรองค์อัค เรศร้าง
เจ้าปลุกยิ่งปลุกรัก เรียมจาก
จากแม่เปล่าอ้างว้าง วุ่นว้างอารมณ์
 สุริยนลี้เลื่อนใกล้ อัษฎางค์
พอพี่ถับถึงบาง โขมดเข้า
แซ่เสียงนิกรนาง นาริศ
เรียมคำนึงถึงเจ้า จากเจ้าจำไกล ฯ
 มาถึงประเทศไท้ บางไทร
ทางทุรัศสถานใจ สุดชั้น
สมรเดียวยิ่งมาไคล คลาจาก กงนา
กงดั่งกงจักรกั้น กีดกั้นกันสมร ฯ
 นพบุรีบุเรศเจ้า กรุงอยุท ธยาแฮ
นารายน์พิศณุภุช สืบสร้าง
เรียมร่ำก็ร่ำสุด แรงพี่ แล้วแฮ
เมืองก็ร้างเจ้าร้าง พี่ร้างมานอน ฯ
 แปดค่ำย่ำรุ่งแล้ว คลามา
นพบุรีรมยา ท่านยั้ง
แสนสนุกนิ์จะหา หายาก
น้องก็ย่อมแจ้งครั้ง ก่อนโพ้นมีมา ฯ
 พิศโพธิสามต้นเติบ ตายสอง
ยังแต่เดียวดูหมอง หม่นเศร้า
อกเรียมก็ปูนปอง ปานเปรียบ โพธิแม่
กลพี่จากเจ้าเคล้า คู่คล้ายโพธิคนึง ฯ
 มาดลดำบลบ้านท้าย โพแตง
แตงบ่แดงเลยแดง อกช้ำ
ช้ำใจทุราแลง ลิ่วจาก
จากแม่ไปหนำซ้ำ เร่งซ้ำทรวงถวิล ฯ
 กาหลหรทึกแส้ เสียงสังข์
เรียมบ่ฟังเลยฟัง ข่าวน้อง
ฆ้องคึกบันดาลหวัง เสียงเสน่ห์
เสน่ห์มารุมรึงข้อง ขุ้นจ้องอารมณ์ ฯ
 มาถึงประเทศท้าย เกาะเรียน
ใจตระขวิดตระเขวียนเวียน วุ่นเข้า
เวรานุเวรเบียน บำราศ แล้วแฮ
จักนิราศทุกข์เท้า ตราบสิ้นกรรมเรียม ฯ
 เดิดดัดลัดทุ่งบ้าน สมอคอน
เรียมก็คอนทุกข์สมร ใช่น้อย
วังราชบ่นอนนอน เนินป่า
บ้านป่าฝาแฝกห้อย ร่างไร้รุงรัง ฯ
 เห็นวังวาริศร้าง ริวแคว น้ำนา
พระนครหลวงแล เปล่าเศร้า
วังราชฤมาแปร เปนป่า
เกรงจะแปรใจเจ้า ห่างแล้วลืมเรียม ฯ
 แคฝอยข้อยข่าคล้า ยางคาง
วัลว่าขานางซาง หน่อป้อ
ปริงปรูหูกวางปราง ปรงเปราะ
ลางลิงจิงจ้อค้อ ข่าคล้าตระคองคลอง ฯ
 ระกำแกมจากต้น เตยหนา
ต้นตระบูนแกมตา ตุ่มไห้
จากศรีอยุทธยามา ลิ่วโลด ใจแฮ
วังบ่เห็นเห็นไม้ ม่วงพร้าวแกมสลา ฯ
 มลิวันวรแนบไว้ วางเขนย
ซับซาบวรเรียมเชย ไป่ม้วย
ขจรกลิ่นรศรำเพย ผายสวาดิ
เอฤนุชมาด้วย แซ่งเว้เวียนหนี ฯ
 ขอจงเสร็จแก้วพี่ กายกลม
ทันกลับคืนพลันสม เสน่ห์ด้วย
ความสนุกนิ์นิจเล่นรมย์ หลายท่า
ขอจงปู่เจ้าฉ้วย เสร็จแล้วเรียมถวาย
 เจว็ดประดิษฐแกล้ง เกลาเพรา
ฉัตรและธงเฉลาเปลา ปลอดเสี้ยน
มาลาลเวงเสา วคนธ์กลิน ขจรแฮ
หอมตระการรศเพี้ยน ผิดไม้ไพรสณฑ์ ฯ
 ปู่เจ้าเขาท่าท้อง ไพรสณฑ์
ปู่เจ้าถ้ำธารพน เวศนี้
ปู่เจ้าฮ่วยหนองหน ใดแห่ง นี้นา
มารับสังเวยชี้ ซึ่งชี้เชิญถวาย ฯ
 เทพาพฤกษชาติเรื้อง รำบาญ
อารักษ์รักษาสถาน ที่นี้
อากาศเทวาวาน เมตรภาพ เรียมนา
ภูมเทวาชี้ ช่วยให้นางเห็น ฯ
 ขอจงเสร็จกลับได้ ดวงสาย สวาดินา
เรียมจะพลันจงถวาย เกือบกั้ง
พวงเงินพวงทองบาย ศรีมาศ
ใส่ศาลเพียงตาตั้ง แต่งให้สมบูรณ์ ฯ
 ข้าโรงข้าศาลนั้น อย่าถวิล
กลแตเอียงไหริน เล่าล้อม
ฉีกกัดมัจฉมางษ์กิน แกมจอก
จอบจิบหยิบแกล้มพร้อม เพริศคิ้วพลางเผยอ ฯ
 เหล้าเข้มไหใหญ่ตั้ง เติมกลาง
หมูเป็ดปากทองวาง เตียบตั้ง
แกะแพะชุมภามางษ์ แกมไก่
เต่างูหนูปลากั้ง กบกุ้งปูหอย ฯ
 เก้าบทเพื่อนยากนี้ ตกไหน
ย่อมตกตามกันไป ทั่วเท้า
ดงรังทเลไกล กลางป่า ก็ดี
เห็นก็สุดแต่เก้า บทนี้แนมนอน ฯ
 อัศจรรย์บารนี่หน้า โหรา
กาฤทำรังกา ที่แจ้ง
ฉัตรไชยใช่พฤกษา กาไข่
เปนนิมิตรเทพแสร้ง ส่งให้ศุภผล ฯ
พระนาคทาทรายแต่นี้ไป ๒๒ บท

 เห็นรอเรียมเนื่องน้อย ใจเอง
รอระยำโยงเยง แย่งร้าง
รอเอยจักโกรงเกรง ไปเท่า ใดนา
จากจำเนียรนุชร้าง ร่างไร้ราวรอ ฯ
 ถึงวัดตองปุเข้า ขอพร
เห็นแต่เรือหมู่มอญ แม่ค้า
พีดำล่ำไหล่คอน เรือเร่
หน้าบ่มีหมดหน้า ดุจหน้านวลผจง ฯ
 คล้องช้างช้างเถื่อนร้าง แรมโขลง
มาพิโยคอยู่โรง เร่งเศร้า
พังพาคณาโยง ยังป่า ไปฤๅ
เรียมคำนึงนุชเหน้า หนึ่งช้างคนึงโขลง ฯ
 ดำบลชนบทโอ้ อาทร
ตอตะเคียนใครรอน จึ่งด้วน
เหมือนเรียมนิราสมร มาเปลี่ยว
ไม้ดั่งไมตรีม้วน ขาดค้างทางเกษม ฯ
 ถึงบ้านกระทุ่มไท้ ชลธี
กรกระทุ่มทรวงตี อกห้าย
ดูดงกระทุ่มทวี ทุกข์เทวศ อกเอย
ดอกตระการกลคล้าย เกษน้องนางเสย ฯ
 ดำบลชลน้ำหนึ่ง หนองมี
นามชื่อหนองคนที ใส่น้ำ
เห็นหนองพร่องวารี ริมขุ่น
เรียมก็ขุ่นใจช้ำ เช่นน้ำในหนอง ฯ
 นางผาผาแผ่นกลิ้ง กลางดง
แลประเล่ห์ทรงองค์ แม่ไช้
นารีพี่ยรรยง เยาวรูป
ผาจะทำแท่นให้ แก่น้องนางนอน ฯ
 ฤๅไทเทเวศร์ไท้ ธิดา ท่านนา
ซึ่งสำนักนิ์ในผา ตกนี้
ใฝ่ใจจะบูชา ชมรูป
แม้ว่าจริงจงชี้ ช่องให้เห็นองค์ ฯ
 จุดเทียนประทับแหว้น เวียนถวาย
ธูปประทีปโคมราย รอบล้อม
ทักษิณสำรวมกาย อภิวาท
เสร็จสมโภชแล้วน้อม นอบเกล้าบทศรี ฯ
 ถึงทางประเทศไท้ ทางหลวง
ท้ายพิกุลกลัดทรวง พี่ดิ้น
นางเพียพิกุลพวง มาลิศ
จวนจะวายกลิ่นสิ้น สุดร้อนเรียมคนึง ฯ
 ถับถึงบางโขมดโอ้ อัษฎงค์
ควนโขมดพาหลง หลอกเหล้น
ยามเย็นยิ่งเอองค์ หลงเถื่อน
หลงที่กรุยตรงเส้น สี่ร้อยรายทาง ฯ
 แม่ลาลาลดไห้ หาศรี
ฤๅแม่ลีลาลี ลาศเต้า
ลาลดระทดทวี ทุกข์เทวศ บ้างเลย
ลาแม่ลาแล้วเจ้า จากแล้วลาสมร ฯ
 เรียมเมิลมยุเรศฝ้าย ฟ้องฝูง
นางมยูรหมู่ยุง ย่างย้าย
บรรพตพิไสยสูง สังวาศ
ดูดำเนินนกคล้าย แม่คล้ายยูงยล ฯ
 เห็นหงษ์เหินห่างชู้ เดียวเหิน
เยื้องย่องมองมุ่งเมิล เมี่ยงหมิ้ง
ดั่งเรียมดุจเดียวเดิน เออาต มานา
โหยระทดใจหนิ้ง นึกน้องนองชล ฯ
 นกน้อยลงเล่นน้ำ ในบาง
บอกวิโยคเยาวพลาง พี่ชี้
ธานีนทีทาง แสนสนุกนิ์ นกเอย
นกก็เลื่อลอยลี้ เล่นแล้วบอกลาง ฯ
 นางนวลนางนกน้อย บินมา
เรียมก็สั่งสารา นกนั้น
นางนวลแม่ครวญหา นวลแม่ หมองฤๅ
นกนิยมสารซั้น สู่แล้วลานวล ฯ
 บำมรุบำราศเรื้อง บำมรุง
เวรวิบัติใดจุง จากเจ้า
ไยบุญพ่อพึงผดุง เผด็จบาป บ้างนา
เจ็บจนเทินทนเศร้า สุดร้อนเรียมคนึง ฯ
 พิกุลเกิดเกลื่อนใกล้ อาราม
ท้ายพิกุลกลางสนาม สนุกนิ์นี้
มณฑลพิกุลงาม คือฉัตร เฉลิมฤๅ
ดูระดูดอกกี้ เมื่อไซ้ฤๅหาย ฯ
 กึกก้องดุเหว่าซั้น เสียงหวาน
ว้าว่าเสียงเยาวมาลย์ แม่พร้อง
ภุรโดกดำเนินสาร สังคีต
แว่วว่าเสียงสมรร้อง ร่ำไห้หาเรียม ฯ
 เห็นโศกเรียมเร่งเศร้า สงสาร
โศกร่วงโรนโรยราน แก่เถ้า
โศกเอยจะยืนนาน อยู่เมื่อ ใดนา
ดูโศกดูเรียมเศร้า โศกเศร้าเหมือนเรียม ฯ
 พิกุลเอยเคยรศหรื้น หอมหวาน
พิกุลวิกลการ แก่แล้ว
พิกุลจะยืนนาน สักเมื่อ ใดนา
ดูพิกุลนี้ห่อนแคล้ว คลาศคล้อยความตาย ฯ
 รำดวนรำดับด้าว ใดควร
เก็บประมวญชวนนวล นุชน้อง
รำดับรำดวนจวน วรบาท พระนา
สองประสงค์สัตย์พร้อง ชาติโพ้นพบกัน ฯ
ทวาทศมาศฉบับใหญ่ ๘ บท
 ศรีสวัสดิวิเศษไท้ จักรี
พระบาทพระศรีทูล ท่ามเกล้า
บงกชกึ่งนาภี ภูลช่อ
กมลาศจอมเจ้าฟ้า เกิดขึ้นแจกบัว ฯ
 พรหมาแสงหล่อเหลื้อม พรหมาน
พรหมวิทธิชั่วพรหม อื่นอ้อย
กามาพจรการ กาเมศ
กามหากเปนช่อช้อย ช่องกาม ฯ
 อมราอมเรศไท้ อมรินทร์
สองย่ำยามยวนรศ แหงห้า
วิลาศนีนิล นองโลกย์
สมสนุกนิเหล้นหล้า ชื่นสอง ฯ
 จักรพรรดิยศโยคเจ้า จักรพาฬ
บุญพอผยองจักรรัตน์ ผ่านแผ้ว
แสนกระษัตริย์ประนมมาลย์ มูลธาตุ
โอนมกุฏเก้าแก้ว จอดจร ฯ
 ดวงเดียวหอมยิ่งสร้อย โสฬศ
สงวนจุมเพรางายกลืน กลิ่นไว้
ดวงเดียวดุจบงกช ตรูโลกย์
สงวนชูชมบให้ หม่นหมอง ฯ
 ฤดูหล้าเหล้นว่าว ใจหาย
อกพี่ปลิ้วกลวาง ว่าวขึ้น
สายทรุงสิบลายทรวง เสียวสวาดิ
ครรภ์เคร่งชักฟื้นยั้ง ย่องโดย ฯ
 สายโคมสาวลากขึ้น แขวนใจ
ถนัดดั่งกังหันหัน พี่ด้วย
กลใจเมื่อใจหาย หาแม่ คืนแม่
อกหนึ่งใจท้วยได้ พี่ด้วยใจหา ฯ
 พี่สงวนน้องน้อยแต่ เตียมพงา แม่เอย
บห่อนเอองค์ครอง กอดเกื้อ
ประมาณกึ่งเกษา ฤๅห่าง เรียมเลย
เนื้อพี่เนื้อน้องเนื้อ แนบเนื้อคือเดียว ฯ
พระนาค
 มาถึงบ้านพิศพื้น พรรณผัก
เถาถั่วแตงแฟงฟัก ฟ่ายเฟื้อย
งางอกดอกคำปัก เปนช่อ
เข้าฟ่างซ่างรวงเรื้อย ป่านเปื้อนปนกระเจา ฯ
 สามเล่มราเมศไท้ สังหร
แม่ก็ทรงสามศร เปรียบท้าว
ท่านผลาญอสุรมรณ์ ลาญชีพ
เจ้าก็ผลาญชายอกร้าว มอดม้วยดูเสมอ ฯ
 ศรเตรเสียบเนตรค้น คมขัน
ศรสำเนียงตรึงกรรณ ส่งซ้ำ
ศรีโฉมแม่ยิงยัน ยายาก
ต้องผู้ใดอกช้ำ เฉกท้าวสาดศร ฯ
๑๔ พรหม
 สองไทธทรงศุขวสันต์ ศิวสิทธเสด็จดล
ในโนทยานนิกรกล ก็พิพิธพิศเพียร
เปนต้น รเบียบไม้
 เมิลมังคลาธิกธิคุณ สดรุณดราเชียร
ชมพฤกษพาลรุขรเมียล มลเมฆบดบัง
 ดอกอังกาบ
 อังกชลทิกรกง กรกรรทยวดยัง
เยาโยทิกาพิกุลกัง สรพินทอบองค์
ต่าง ๆ
 คนธาสุมาสมลมาล ยวิวิธอัศวง
ดังผ้าขาว
สาโขปรมาบวรบง กชรัตนพรายโพยม
 ยอดยาว ดังเขียน
 เสวโตรตมางควรเวค วิเลขซรูโซรม
 วิไลย ดังผ้าดอกดำ
บดบังทิฆัมพรวิโลม นุกุสุมพัตรา
 รัชฎางคณานิลคใน สวิไลยเลขา
ขาวเขียวเหลืองแดงลาย
เสวตรังสุมังสุรสลา ธรทิพมาลี
พิลังกสา
 รุกขรักตรการกลตรกู นุตรโกวลันที
ไมัสัก ไม้หมู่ หมั้น
ปรางทรางลขกรุกขกนี ทีรทรรทโสดโสดม
 ต้น
 เฟืองฟองทลองนุลทลอก แลตรบอกตรแบกโทรม
เรี่ยราย  กลีบ
ทรุดบุษปมาพิกิณโจม จิตรเทพหฤหรรษ์
 สาใสวิสุทธสุวิสาร สวิสุทธิจวงจันทน์
เจียรใจคณานิกรสรร คสฤทธิกฤษณา ฯ
อย่างนี้เรียก  บาทกุญชร ก็ได้ ฯ
ทวาตรึงประดับ

  ทวา ปีกมีฉัน เหิรเหจ ทวา
ทัศ รู้รศเหรื้อง ยิ่งท้องทวาริกา ทัศ
หง ทิพเทพท้อง รามัญ หง
ษา เทียมสรวงสวรรค์ ฟากเฝื้อง ษา
กรนารายน์โบราณแต่ง

  ศรี ศรรอญราพล้ม ฦๅ ไชย
พ่อ ประสิทธิฤทธิไกร แก่ แก้ว
มา กรุงรุ่งเรืองไตร ภพ เล่า
แล ประเสริฐเลิศแล้ว โลกย์ล้ำนา นา
กรนารายน์พญาตรังแต่ง

  ศรี ทรงศรีสมรรถเรื้อง เรือง ไชย
พ่อ แข่งสรมุขไว กิ่ง แก้ว
มา ครุธถัดเหมไกร สร เล่า
แล แห่แลเจ้าแคล้ว เคล่าน้ำไนย นา
นารายน์กางกรโบราณแต่ง

  วัด วรนิเวศเรื้อ รัง เสือ
ไป ตัดมัดหวายเหลือ ค่า คู้
บาง บึงรกแฝกเฝือ เปน ป่า
หา แห่งดำแหน่งรู้ เรียกท้องนา ยาง
พญาตรังแต่งนารายน์กางกรไว้ ๖ บทลงไป

  วัด ทางสองไร่ถ้วน ถึง เสือ
ไป ฟุบพุ่มแฝงเฝือ แฝก คู้
บาง ใต้จะหลบเหนือ ติด ป่า
หา นุชพบเสือสู้ หว่างไม้รัง ยาง
  วัด ข่ายกะที่ล้อม จับ เสือ
ไป ครุบกัดนายเหลือ แหล่ง คู้
บาง แคบคับลำเรือ ริม ป่า
หา ซากพบจึงรู้ ว่าม้วยโคน ยาง
  จาก สมรเสมอเรื่องร้าง มัน หยา
เพียง พี่นุชเดียงสา สู่ ชู้
หมาง สมานสุรสุดา ดาล เหตุ
เพศ ประพฤติราศรู้ รศแจ้งกล นาง
  เรือ โดนเรือขว้ำที่ ตวง เกลือ
ฟาก พี่จอดคิดเจือ เจ็บ หล้ม
ขวาง ลอยติดครึมเครือ ทิว ท่า
นา เวศเวียนคือต้ม แม่หว้ายวน นาง
  เรือ น้องหลีกแม่ค้า ฝืน เกลือ
ฟาก ฝั่งสวนทิศเหนือ หนัก หล้ม
ขวาง ต้นกิ่งตาเสือ ริม ท่า
นา แม่มาอย่าก้ม ภักตร์ให้เลย นาง
เรือ ฟางตะพุ่นหญ้า ปลา เกลือ
ฟาก ชเลอัดเฝือ ฝั่ง หล้ม
ขวาง ทับแม่ลงเหลือ หลาย เท่า
นา เนกเปรี้ยวหวานส้ม รอดบ้างฤๅ นาง
กะทู้ยี่สิบโบราณแต่งไว้

  พี่ พบ รัก ชู้ ช่าง วิงวอน
เย้า สวาดิ ครวญ คนึง นอน แนบน้อง
เจ้า คลาศ ป่วน ถึง สมร เสมอชีพ เรียมนา
หลบ ภักตร์ อยู่ นาง ข้อง คึ่งแค้นฤๅไฉน ฯ
พระราชนิพนธ์

  เสีย พ่อจักสู้โพ้น จงภักดิ์
ได้ อื่นเกลือกบ่รัก ลูกแก้ว
ไว้ ต่างฤไทยจัก ษุพ่อ สงวนนา
ดี และร้ายตีแล้ว ด่าเล้าโลมสอน ฯ
พระเจ้าล้านช้างตอบพระราชนิพนธ์

  เสีย พระบิตุเรศเจ้า มาครอง
ได้ แต่เดียวฤๅปอง อื่นอ้าง
ไว้ เปนปิ่นเมืองสอง เสมอชีพ
ดี เรกกรุงล้านช้าง แต่นี้สมบูรณ์ ฯ
ศรีปราชญ์

  จก จักโกรธเคียดขึ้ง หวงแหน
จี้ จ่ำรำคาญแสน บ่นบ้า
รี้ พลทั่วดินแดน นอนแม่ ยังเลย
ไร ร่ำทุกเส้นหญ้า บ่นให้ใครฟัง ฯ
  ทะ เลแม้ว่าห้วย เรียมฟัง
ลุ่ม ว่าดอนเรียมหวัง ว่าด้วย
ปุ่ม เปือกว่าปการัง เรียมร่วม ความแม่
ปู ว่าหอยแม้กล้วย ว่ากล้ายเรียมตาม ฯ
พญาตรังแต่งโคลงกะทู้ ๑๗ บทลงไว้

  หน้า ชมสมรเอกอ้าง อุดร ทวีปเอย
อ่อน ระทวยทอดกร กรีดเยื้อง
ท่อน ทองทิพยอับศร เศกแม่ มาฤๅ
จันทร หมดเมฆเปลื้อง เปลี่ยนไว้ภักตร์โฉม ฯ
หน้า น้องวางแว่นแม้น เมียงฉาย
ใย ธุลีลอบกลาย เกลื่อนกล้ำ
ไข่ มุกมาศเรือนสลาย ลอดเนตร เรียมเอย
ปอก กลีบบัวเคียงก้ำ กึ่งแก้มนางหมอง ฯ
  หน้า พิศผิวภักตร์เจ้า เจิมอยุทธ เยศแฮ
ใย ละอองโกมุท เมื่อแย้ม
ไข่ หงษ์กรเวกครุธ เพลิงลวก แล้วเอย
ปอก ไป่ปานนวลแก้ม ก่องเนื้องามสลวย ฯ
  คุก คำฮืดฮื้อพี่ หึงหวง ใดฤๅ
คัก ค่อยพจนาพวง ภู่ฟ้า
กุก เคาะนุชใดปวง มาแม่
กัก แต่กันใจคว้า พี่ไว้ชมเดียว ฯ
  ทุ รนอุระร้อน ลำเค็ญ แม่เอย
สุ ริยาพลบเรียมเห็น แต่ห้อง
มุ เมิลมุ่งแลเย็น ใจวาก แล้วแฮ
ดุ ริยางค์เยือกเสียงฆ้อง ค่ำแล้วเรียมครวญ
  ทุ เรศถิ่นแล่นก้าว ขัดลม
กัง กระแทกเกาะจม จ่อมม้วย
มัง กรหมู่ปลาระดม ฟัดกัด กินแฮ
กง ก็หลุดลอยด้วย รอดด้วยสัดจอง ฯ
  ดู รศรีสวัสดิเจ้า จำเริญ ใจเอย
งาม เงื่อนจันทรเดิน เด่นฟ้า
ขาม ไยนุชเร็วเชิญ มาแม่ ราแม่
คม คู่นิลเนตรถ้า เนตรน้องคมงาม ฯ
  ดู รดวงสมรเพ่งเพี้ยง เพ็ญจันทร์ แจ่มแฮ
งาม ศศิธรสรรค์ ส่งส้อง
ขาม โฉมแข่งทิพยวรร โณภาษ ราแม่
คม คู่นิลเนตรน้อง หนึ่งฟ้าคนองสาย ฯ
  ดู นางบรเมศไท้ ทัดจันทร์ ก็ดี
งาม สุเรนทรสรวงสรรค์ สี่หน้า
ขาม องค์อรเอววัล เวียนวาด รูปเอย
คม สิบหกห้องฟ้า ฝากไว้ในสมร ฯ
  ดู ในนัคเรศสิ้น สนมนาง แล้วเจ้า
งาม ระหงทรงบาง แบบนั้น
ขาม ขามแต่ในปราง ประเทียบ ทิพย์เอย
คม ประเห็นหกชั้น เช่นน้องสุดหา ฯ
  ดู เกษียรวาเรศเวิ้ง วาริน
งาม นารถนิทราสินธุ์ แท่นน้ำ
ขาม จอมจักรปาณินทร์ นอนแนบ อรเอย
คม พระกรกอดก้ำ กึ่งแก้วเรียมถนอม
  ดู รโฉมสมรแม่เนื้อ สองสี
งาม ตระแน่วนาภี พี่ดิ้น
ขาม รักรศมาลี ลาพโลก ควรฤๅ
คม จะปานปากริ้น ร่อยช้ำชายขนง ฯ
  ดู รุดูระเหง้า สุดา เจียวแม่
งาม ระหว่างเวลา ชุ่มชื้น
ขาม พางทิพยรัศา สังวาศ นางเอย
คม รักรศเรียมอื้น โอษฐน้อมความถนอม ฯ
  นัดแล้วพี่จึ่งแจ้ง ความสมร แม่นา
ไหล เลื่อนกลใบบอน หยาดน้ำ
ไถ หักเหตุโคคอน แอกวิ่ง นางเอย
เลน จะพาเจ้าคล้ำ เพื่อพื้นดินสวน ฯ
  วิลวันเรียมเริ่มซ้อม คำนง แน่งเอย
ไหล เลื่อนจิตรงวยงง ง่วงน้อง
ไถ เถียงว่างอนธง รถราช นาแม่
เลน ว่าทรายไป่ต้อง ต่อค้านคำโฉม ฯ
  ลำลงในท้องท่า วังวน
ไหล ฟัดคุ้งแถกตน เสือกหว้าย
ไถ โคลนอยู่จวบจน เย็นมิ่ง กูเอย
เลน จะฝั่งพี่ย้าย ย่างเท้าฤๅไหว ฯ
  เมิลโคแรกทุ่งน้ำ นองพะ
ไหล พัดคันนาหวะ แหวกหวิ้น
ไถ ตกจากมือพระ พลเทพ ท่านแฮ
เลน ลื่นล้มด่าวดิ้น ที่ท้องนาขวัญ
กาพย์เห่เรือ
โคลง
  เสนาะสนั่นพิณพาทย์ก้อง กาหล
เพียงสมุทคลั่งวน คลื่นคลุ้ม
สอดส่ายภักตรายล เยาวรูป
เห็นแต่เรือรายกลุ้ม เกลื่อนหน้าพลพาย ฯ
กาพย์
  กาหลดนตรีก้อง กลองโยนร้องซ้องแตรงอน
ปายเสียงสำเนียงสมร ขับกล่อมพี่ที่ไสยา
  โดยเสด็จเด็ดดวงสวาดิ แรมนิราศคลาศภักตรา
ปานนี้แก้วพี่เอา นอนฤๅนั่งตั้งตาคอย
  อยู่เดียวเปลี่ยวใจเศร้า คิดถึงเจ้าเปล่าใจถอย
เสียดายวายรักร้อย ชั่งเรียมเอยไม่เคยไกล ฯ
โคลง
  งามงอนกิ่งกาบแก้ว แกมศรี
เลื่อนชลาลอยลี ลาศคล้อย
เฉกโฉมมิ่งสัตรี ตรูเนตร เรียมเอย
งอนชำเลืองคมช้อย เนตรให้เรียมสงวน ฯ
กาพย์
  งามพริ้งกิ่งแก้วสบัด พลพายซัดกวัดกรกราย
ดั่งกรช้อนกอดสาย สุดรุกแนบแอบอิงองค์
  เจ็บจากพรากเจ็บจิตร เพียงปืนพิศม์ติดทรวงลง
ยาใดใครจักจง ไม่ยาเท่าเจ้ายาใจ
  โฉมแกล้งแปลงรูปมา แก่ตาพี้นี้ฤๅไฉน
วันหนึ่งพึ่งจากไป ไกลนุชน้อยร้อยปีตรอม
  ร้อนแรงแสงสุริยา ไฟไหม้ป่าหญ้าฟางลอม
ไม่ร้อนถอนใจผอม เพียงจากเจ้าเฝ้าอาดูร ฯ
โคลง
  เห็นหงษ์นาเวศฟ้อน ฟองสินธุ์
งามดั่งหงษ์มุจลินท์ แหวกหว้าย
ลำทองท่องวาริน รวนเห่
ดูดำเนินหงษ์คล้าย แม่คล้ายหงษ์จร ฯ
กาพย์
  เห็นหงษ์ส่งภู่แก้ว แกมมาศแววแพร้วไพรทอง
เหมือนดวงพวงกลิ่นกรอง น้องร้อยเรียงเคียงแนบเขนย
  ยามนอนจักวอนใคร เอามาไลยให้ชูเชย
นวลเจ้าคู่เคล้าเอย เคยเย้ยเล่นเปนที่สรวล
  ร้อยหน้าพันหน้าสนุก หน้าพี่ทุกข์ฉุกใจครวญ
ท่านศุขปลุกสำรวล เรียมชวนใจให้โศกศัลย์
  แม้ว่ามาด้วยพี่ จะริกรี่ซี้รำพรรณ
น้อยจิตรคิดไม่ทัน ละขวัญไว้ไม่ชวนมา ฯ
โคลง
  เรือครุธคือครุธอุ้ม โอบองค์
โฉมนาฎกากีหลง เล่ห์ชู้
ยิ่งคิดยิ่งพิศวง ถึงเสน่ห์
เกรงจะลอบให้ผู้ อื่นนั้นเชยโฉม ฯ
กาพย์
  เห็นครุธยุดนาคคั้น นาคีฝั้นพันปลายกร
เรียมแอบแนบนวลนอน กรกระหวัดรัดรึงนาง
  แลเล็บเจ็บครุธยุด เล่ห์เล็บนุชสุดคมบาง
เจ็บเล็บเจ็บฤๅคราง เจ็บพี่ร้างนางเหลือทน
  ทุกครั้งคั่งทรวงแค้น ไม่หนักแน่นแสนเจ็บจน
เชยชื่นอื่นร้อยคน ไม่เทียมเท่าเจ้าดวงใจ
  ร้อยชั่งชั่งความรัก ที่สุดหนักหนักสิ่งใด
แผ่นภพจบแดนไตร เห็นไม่หนักเท่ารักนวล ฯ
โคลง
  สมรรถไชยสรมุขล้ำ ลำทรง
ศรีพิมานมาศผจง แจ่มน้ำ
เหมือนนวลภักตร์นุชส่ง ผิวผ่อง
วันเมื่อจากชายน้ำ ชอกด้วยกรรแสง ฯ
กาพย์
  ธงชานปลายแกว่งกวัด โบกสบัดนัดโยธี
เหมือนกรอรนารี เจ้าพัดพี่ที่ไสยา
  คันธงตรงแน่แน่ว ก็เห็นแล้วแก้วพี่อา
คำมั่นอันสัญญา ถ้าคงคำจะขำคม
  เสียดายหมายโกเมศ ประเวซไว้ให้แรมสม
ภมรจะว่อนชม ฤๅจมน้ำอยู่รำไร
  รับขวัญพลันสั่งซ้ำ ทุกถ้ำท่าชลาไหล
แม้นขวัญนั้นตกใจ ให้รับขวัญเจ้าพลันคืน ฯ
โคลง
  อนงค์ลำประพาศเพี้ยง สาวสวรรค์
แลนาฎลืมคืดขวัญ เนตรน้อง
คิดเจ้าพี่ลืมผัน พิศนาฎ
งามบ่แปลกเปลี่ยนต้อง แห่งห้ารศเกษม ฯ
กาพย์
  อนงค์ทรงประพาศ ห่มเจียรบาดตาดปักทอง
นุ่งเกี้ยวเขียวแสดตอง แต่งต้องสีที่ม่ายเมียง
  นุ่งยกทองท้องแย่ง สอดสีแดงแกล้งบงเฉียง
ริ้วหัศวรีเรียง เคียงเขมราฐตาดเงินยวง
  เพ็ชรยอดสอดประดับ แสงระยับรับรุ่งร่วง
นพรัตน์จัดเจิมดวง รังแตนพร้อยย้อยพรายพราย
แหวนงูชูมรกฎ งามที่พตชดเกล็ดขจาย
เขียววับจับสีกาย สายเขียวพลอยก้อยนางทรง ฯ
โคลง
  ถึงที่ประทับไท้ ธารฉนวน
เสด็จจากนาวาขบวน พยู่หฺน้ำ
พระปิ่นมกุฎควร เฉลิมบาท
ทรงพระยศยิ่งล้ำ เลิศด้วยคุณธรรม ฯ
ชื่อว่ากะทู้เสือซ่อนเล็บ

  คำ โคลงเหมาะบทสี่ดี ให้
หม่อม อ่านสารศรีเสนาะแต่ง ดู เอกโท
พร้อม ไพถ้วนถี่กล่าวราว รู้
เพราะ พรั่งทังพินธุได้ เรื่อง ฯ
  โก สินทรบรเมศไท้ ทัดจันทร์
วา ยุพรุณรังสรรค์ แจ่มเจ้า
ปา นี้อมรคัล ยเมศ กูเอย
เปิด บัญชรให้เต้า ยาตรฟ้ามาดิน ฯ
  ขัด ลงในท้องท่า วังวน
ช้อน เร่งกางขาคน เร่งเน้น
ซ้อน สบสลิดปน ปลาช่อน กูเอย
ปลา ตื่นวังขังเต้น ตอบต้องปลาเอง ฯ