คำสั่งยึดทรัพย์สินจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และภริยา/คำสั่ง 20 พฤศจิกายน 2507
โดยที่ปรากฏว่า จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขณะที่มีชีวิตอยู่ ได้ใช้อำนาจหน้าที่ในราชการโดยมิชอบ กระทำการเบียดบังและยักยอทรัพย์สินของรัฐไปหลายครั้งหลายหน มีจำนวนมากมาย เท่าที่ปรากฏในขณะนี้มีมูลค่าถึง ๔๓๕,๗๐๔,๑๑๕.๘๙ บาท (สี่ร้อยสามสิบห้าล้าน เจ็ดแสน สี่พัน หนึ่งร้อย สิบห้าบาท แปดสิบเก้าสตางค์) ซึ่งเมื่อรวมดอกเบี้ยร้อยละ ๗๑๒ ต่อปีแล้ว เป็นเงินที่รัฐต้องได้รับความเสียหายรวมทั้งสิ้น ๕๗๔,๓๒๘,๐๗๘.๒๖ บาท (ห้าร้อยเจ็ดสิบสี่ล้าน สามแสน สองหมื่น แปดพัน เจ็ดสิบแปดบาท ยี่สิบหกสตางค์) การกระทำดังกล่าวนี้มีผลเป็นการบ่อนทำลายความมั่นคงของราชอาณาจักร และโดยที่ท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ เป็นภรรยาจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ร่วมรับประโยชน์ในการนี้ด้วย
อาศัยอำนาจตามมาตรา ๑๗ แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร นายกรัฐมนตรี โดยมติของคณะรัฐมนตรี จึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้
๑.ทรัพย์สินต่อไปนี้ ให้ตกเป็นของรัฐทันทีในวันออกคำสั่งนี้
(ก)เงินฝากในธนาคารและสาขา ทั้งในและนอกประเทศ ที่จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และหรือ ท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ฝากไว้ ไม่ว่าในนามของตนเอง หรือนามแฝง หรือโดยใช้เพียงเลขที่หรือระหัสเป็นเครื่องแสดงบัญชี หรือใช้นามของวิสาหกิจ หรือในชื่อบัญชีใด ๆ บรรดาที่ถือได้ว่า เป็นเงินฝากของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และหรือ ท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์
(ข)ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เครื่องจักรและวัสดุภัณฑ์ ทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งเป็นของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และหรือ ท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์
(ค)หุ้นและหุ้นกู้ทุกชนิดทุกประเภท และพันธบัตรรัฐบาล ทั้งของรัฐบาลไทยและต่างประเทศ ซึ่งจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และหรือ ท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ เป็นเจ้าของ ไม่ว่าหุ้น หุ้นกู้ และพันธบัตรนั้นจะเป็นในนามของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และหรือ ท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ หรือไม่ปรากฏนาม หรือซึ่งมีสิทธิโดยนิติกรรมที่อาจเข้าถือเอาเป็นเจ้าของ
(ง)สิทธิหรือสิทธิเรียกร้องที่เป็นของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และหรือ ท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์
๒.ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินบรรดาที่ตกเป็นของรัฐดังกล่าวใน ๑. ในนามของรัฐ และให้ดำเนินการตามควรทุกประการในฐานะที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้น ๆ
๓.ให้กระทรวงการคลังดำเนินการดังต่อไปนี้ด้วย
(ก)ยึดทรัพย์สินอื่นใดนอกจากที่กล่าวใน ๑. บรรดาที่เป็นของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และหรือ ท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ เท่าที่เห็นว่า จะพอกับจำนวนเงินที่รัฐต้องเสียหาย และเมื่อได้ยึดแล้ว ก็ให้กรรมสิทธิ์ของทรัพย์สินนั้นตกเป็นของรัฐ และให้กระทรวงการคลังขายทอดตลาดเป็นตัวเงินชดใช้ความเสียหายของรัฐ
(ข)ตั้งกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง มีจำนวนไม่น้อยกว่า ๕ คน ตีราคาทรัพย์สินตาม ๑. ที่มิใช่เป็นตัวเงิน เมื่อได้ตีราคาแล้ว และเมื่อรวมราคานั้นกับทรัพย์สินตาม ๑. ที่เป็นตัวเงิน กับจำนวนเงินที่กระทรวงการคลังได้รับจากการขายทอดตลาดดังกล่าวใน (ก) มีมูลค่าเกินจำนวนเงิน ๕๗๔,๓๒๘,๐๗๘.๒๖ บาท (ห้าร้อยเจ็ดสิบสี่ล้าน สามแสน สองหมื่น แปดพัน เจ็ดสิบแปดบาท ยี่สิบหกสตางค์) ที่รัฐต้องเสียหายเท่าใด ให้กระทรวงการคลังส่งเงินจำนวนที่เกินนั้นแก่ผู้จัดการมรดกจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์
การตีราคา ให้ถือเอาราคาตลาดหรือราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในวันที่ออกคำสั่งนี้ หรือในวันที่ใกล้ที่สุด
๔.การปฏิบัติดังกล่าวใน ๓. ต้องให้แล้วเสร็จภายในสามปีนับแต่วันที่ออกคำสั่งนี้
๕.ทรัพย์สินของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์ ซึ่งพึงตกเป็นของรัฐตาม ๑. และพึงยึดมาเป็นของรัฐตาม ๓. นั้น มิให้รวมถึง ทรัพย์สินที่เป็นสินเดิมและสินส่วนตัวของท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์
๖.ในกรณีที่ปรากฏแก่กระทรวงการคลังโดยคำร้องขอของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาว่า เจ้าหนี้นั้นต้องเสียประโยชน์ในการบังคับคดีตามคำพิพากษาเพราะผลแห่งคำสั่งนี้ ถ้ากระทรวงการคลังเห็นว่า สมควรให้เจ้าหนี้นั้นได้รับชำระหนี้ตามจำนวนที่กระทรวงการคลังเห็นสมควร ก็ให้กระทรวงการคลัง ด้วยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จ่ายเงินตามจำนวนที่เห็นสมควรนั้นจากเงินที่ได้รับมาโดยผลแห่งคำสั่งนี้ให้เจ้าหนี้รับไปได้ แต่ทั้งนี้ เฉพาะเมื่อมูลหนี้ตามคำพิพากษานั้นเป็นมูลหนี้เกิดจากนิติกรรมและเกิดขึ้นก่อนวันออกคำสั่งนี้ และกระทรวงการคลังเห็นว่า เป็นหนี้ที่มิได้เกิดขึ้นด้วยการสมยอม
ความในข้อนี้มิให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเวลาที่กล่าวใน ๔.
๗.หุ้นที่ตกเป็นของรัฐตาม ๑. (ค) นั้น ถ้ากระทรวงการคลังเห็นว่า หุ้นใดไม่สมควรที่รัฐจะรับไว้ ก็ให้กระทรวงการคลังปฏิเสธไม่รับหุ้นนั้นไปยังผู้ออกหุ้น เมื่อกระทรวงการคลังปฏิเสธไม่รับหุ้นใดไปแล้ว ให้ถือว่า หุ้นนั้นไม่เคยตกเป็นของรัฐ
กระทรวงการคลังจะปฏิเสธไม่รับหุ้นเป็นของรัฐเมื่อพ้น ๙๐ วันนับแต่วันออกคำสั่งนี้มิได้.