จะพิจารณาแลพิพากษาคดีโดยกำหนดดังนี้ คือ ประการ๑ความแพ่งทุนทรัพย์ไม่เกินหมื่นบาท ประการ๒ความมีโทษหลวงโดยกำหนดโทษเหล่านี้ คือ สฐาน๑จำไม่เกินสิบปี สฐาน๒เฆี่ยนไม่เกินสามสิบที สฐาน๓ปรับไม่เกินหมื่นบาท มาตรา๒๗ศาลมณฑลมีอำนาจดังนี้ คือ ข้อ๑ที่จะพิจารณาพิพากษาคดีทั้งปวงได้ทุกบทกฎหมาย ข้อ๒ที่จะพิจารณาพิพากษาความอุทธรณ์ศาลต่ำในมณฑลนั้นตามที่เสนาบดีกระทรวงยุติธรรมจะกำหนดให้
มาตรา๒๘ข้าหลวงพิเศษจัดการศาลยุติธรรมในหัวเมืองนั้น คือ ๑ผู้ที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งให้เปนข้าหลวงพิเศษ ๒ผู้เปนตำแหน่งข้าหลวงสำเร็จราชการมณฑล ๓ผู้ว่าราชการเมืองที่เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยมีอำนาจตั้งได้ในมณฑลละคนหนึ่ง |
ข้าหลวงพิเศษซึ่งได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งนั้น มีอำนาจทั่วทุกหัวเมือง
ข้าหลวงพิเศษที่เปนเทศาภิบาลแลที่เปนผู้ว่าราชการเมืองมีอำนาจเฉภาะแต่ในมณฑลนั้น มาตรา๒๙ข้าหลวงพิเศษทั้ง ๓ อย่างตามในมาตรา ๒๘ นั้น มีอำนาจพิจารณาแลพิพากษาความได้ทุกชนิด แลข้าหลวงพิเศษที่ทรงพระกรุณาโปรดตั้ง มีอำนาจพิจารณาแลพิพากษาความได้ในทุกหัวเมือง แต่ข้าหลวงพิเศษที่เปนเทศาภิบาลแลที่เปนผู้ว่าราชการเมือง มีอำนาจพิจารณาแลพิพากษาความได้เฉภาะในมณฑลนั้น เมื่อข้าหลวงพิเศษผู้ใดผู้หนึ่งดังที่กล่าวมาแล้วได้พิพากษาคดีเรื่องหนึ่งเรื่องใดไป คู่ความอุทธรณ์ไม่ได้ ต้องทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาทีเดียว
|
หน้า:ธศย ๑๒๗.pdf/6
หน้านี้ได้พิสูจน์อักษรแล้ว
วันที่ ๑๔ มิถุนายน ๑๒๗
เล่ม ๒๕ หน้า ๓๓๔
ราชกิจจานุเบกษา