หน้า:ประชุมพงศาวดาร (ภาค ๑๙) - ๒๔๖๓ b.pdf/61

จาก วิกิซอร์ซ
หน้านี้ยังไม่ได้พิสูจน์อักษร
๕๑

เหนือ ๑๑ องศา ๔๑ ลิปดา ๔๐ พิลิพ เปนข้างใต้กรุงเทพฯ ลงไป ๒ องสา ๓ ลิบดา ๒๙ พิลิพ

ที่ค่ายหลวงหว้ากอ ทรงพยากรณ์ว่าจะจับทิศพายัพเวลา ๑๐ นาฬิกากับ ๖ นาทีแต่เที่ยงคืน แต่เกิดเมฆฝนดำมืดมิดปิดเสียหมดไม่เห็นเลยเมื่อแรกจับ อยู่มาจนเวลา ๑๐ นาฬิกากับ ๔๖ นาที เมฆจึงจางออกไปเห็นดวงพระอาทิตย์ไรๆ แลดูพอรู้ว่าจับแล้วสักส่วนหนึ่ง ยังเหลือสักสองส่วนดวงพระอาทิตย์ เมื่อนั้นจึงได้ประโคมสรงมุรธาภิเศก ในระหว่างนั้นเมฆขาวดำปิดดวงพระอาทิตย์ เห็นบ้างในระวางๆ ไม่เห็นบ้าง คราธคือที่แหว่งไม่หันไปทิศไหน เดินตรงไปทีเดียว เมื่อเวลาสรงพระมุรธาภิเศกแล้วนาฬิกาได้ ๑๑ นาฬิกากับ ๕ นาทีแต่เที่ยงคืน จึงได้ทรงประเคนสำรับพระสงฆ์ รับสั่งว่ายังอิกกึ่งนาฬิกาจึงจะสิ้นดวงให้รีบฉันเถิด คราธก็ตรงเข้าไปแต่ทิศพายัพ เหลือข้างทิศอาคเณย์ เมื่อเวลา ๑๑ นาฬิกากับ ๒๕ นาที แดดไม่ร้อน แสงร้อนอ่อนมาก คนร้องกันว่าเหมือนเดือนหงาย ครั้นถึง ๓๐ นาที ดวงพระอาทิตย์เหลือน้อย ถ้าจะคิดดวงพระอาทิตย์แบ่งสัก ๑๒ ส่วน จะเหลืออยู่ไม่ถึงส่วน ๑ เมื่อนั้นท้องฟ้าตรงดวงพระอาทิตย์ไปจนข้างตวันตกเปนต้นลม สว่างไม่มีเมฆเลยทีเดียว คนร้องว่าหมดแล้ว เห็นดาวแล้วอื้ออึงมาก แต่ที่จริงยังไม่หมด ไปหมดต่อ ๑๑ นาฬิกา ๓๖ นาที ๒๒ วินาที