กฎหมายไทยฯ/เล่ม 5/เรื่อง 5
กอมมิตตี้บังคับการกรมพระนครบาลประกาศให้ราษฎรไทยจีนแลคนต่างประเทศทราบทั่วกันว่า ด้วยทุกวันนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมพระนครบาลเบิกพระราชทรัพย์ของหลวงมาจำหน่ายทำถนนหนทางให้ราษฎรใช้รถใช้ม้าใช้ล้อใช้เกวียนขับขี่แลคนเดินไปเดินมาได้โดยสดวกเพื่อจะให้เปนที่เจริญแก่การค้าฃายแลเรียบร้อยในบ้านเมือง กับได้ให้เจ้าพนักงานจัดจ้างคนเปนโปลิศเดินลาดตระเวรรักษาระงับโจรผู้ร้ายไม่ให้กระทำร้ายแก่ราษฎร ตั้งพระราชหฤไทย จะทำนุบำรุงไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินให้ได้ทำมาหากินโดยปรกติแลให้เปนคุณเปนประโยชนแก่ชนทั้งปวงทั่วไป จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งพระราชบัญญัติข้อห้ามต่าง ๆ ประกาศไว้ให้ผู้ที่เปนโปลิศราษฎรทั้งปวงกระทำตามพระราชบัญญัติซึ่งได้ออกไว้แต่ณเมื่อปีกุณ นพศก ศักราช ๑๒๓๗ มีอยู่หลายประการ ความแจ้งอยู่แล้ว ครั้นการนานมา ราษฎรทั้งปวงก็ไม่ใคร่ประพฤติการตามประกาศพระราชบัญญัตินั้น ฝ่ายโปลิศพนักงานผู้รักษาน่าที่ก็ละเลยเฉยเสีย ถนนหนทางที่เดินไปเดินมาจึ่งมีความขัดขวางเปนหลายประการ ดังที่จะกล่าวต่อไปนี้คือ ราษฎรฝ่าฝืนพระราชบัญญัติทำเพิงทำพาไลยค้ำล้ำออกมาบนถนน ฝนตกน้ำชะ กระทำให้ถนนเปนหลุมเปนบ่อเสียไป แลตั้งม้าปูแผงวางสิ่งของต่าง ๆ บนถนนเปนที่กีดขวางทางรถทางม้าทางล้อทางเกวียนคนเดินไปมา แลเททิ้งยากเยื่อฝุ่นฝอยลงในถนนหนทางเปนที่รกเปื้อนเปรอะไป ดูหาสอาดสมควรแก่ถนนที่ฝูงชนทั้งปวงเดินไปมาโดยสดวกไม่ ประการหนึ่ง ผู้ที่มีรถมีม้ามีล้อมีเกวียนขับขี่ไปมา เมื่อเวลาพลบค่ำกลางคืน บางทีมีโคมตามมาข้างเดียวบ้าง บางทีไม่มีเพลิงบ้าง บางทีเอาไต้จุดเพลิงมาต่างโคมบ้าง มักมีเหตุอันตรายเกิดขึ้นแก่ราษฎร แลราษฎรบางจำพวกถือไม้พลองกระบองสั้นแลอาวุธต่าง ๆ เดินมาในถนนทางที่ไม่มีไต้เพลิง กระทำให้เปนที่หวาดหวั่นแก่ราษฎรชาวบ้านทั้งปวงทั่วไป เมื่อมีความที่ราฎรขัดขืนพระราชบัญญตเปนหลายประการดังนี้ จะละเลยไว้ก็หาสมควรไม่
กอมมิตตี้จึงเหนพร้อมกันควรจะต้องรักษาพระราชบัยญัตินั้นให้ยั่งยืนไว้ ด้วยเปนประโยชนแก่ราษฎรอยู่ทั่วกัน แต่การจะห้ามแลจะจัดการตามพระราชบัญญัตินั้น ถ้าจะไม่ประกาศให้ราษฎรทราบล่วงน่าทั่วกันเสียก่อน ก็จะเปนที่เดือดร้อนแก่ราษฎรบางจำพวก เพราะว่าข้อห้ามเหล่านี้เจ้าพนักงานผู้รักษาน่าที่ละเลยมานานแล้ว จะห้ามปรามจับกุมกันขึ้น เมื่อไม่รู้ตัว ก็ต้องเปนที่เดือดร้อน เพราะฉนี้ จึงได้ประกาศให้ทราบทั่วกันก่อน ๑๕ วัน ราษฎรที่ประพฤติการล่วงพระราชบัญญัติมาแต่ก่อนนั้นจะได้ผ่อนผันจัดการเสียให้ถูกต้อง จะได้ไม่ต้องห้ามปรามจับกุมให้เปนที่เดือดร้อนต่อไปตั้งแต่ณวัน ๑ เดือน ๑๑ ขึ้นค่ำ ๑ ปีกุน นพศก ภายหลังวันซึ่งออกประกาศ ๑๕ วันนี้ต่อไป ให้ราษฎรผู้ที่มีรถมีม้ามีล้อมีเกวียนแลผู้ที่เดินไปมากับราษฎรที่อยู่ริมถนนหนทาง ให้ประพฤติตามข้อประกาศเก่าใหม่แลคำประกาศนี้จงทุกประการ
ข้อ๑ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดที่ตั้งบ้านตึกเรือนโรงร้านอยู่ริมถนนหนทางคนเดินไปมาซึ่งเปนท้องที่โปลิศลาดตระเวรรักษา ห้ามมิให้เททิ้งยากเยื่อฝุ่นฝอยแลสิ่งของโสโครกต่าง ๆ ลงบนถนน ประการหนึ่ง ห้ามมิให้ชนทั้งปวงถ่ายอุจาระลงบนถนนแลร่องถนนอันมิควรจะกระทำให้ของโสโครกเหล่านี้เปนที่ติเตียนแก่ผู้ซึ่งเดินไปมานั้น ดูหาสมควรไม่ ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดยังฝ่าฝืนข้อประกาศดังที่ว่ามาแล้วนี้ ก็ให้โปลิศจับตัวผู้นั้น ๆ มาส่งยังเจ้าพนักงานศาลโบริสภา ๆ จะปรับไหมผู้ที่กระทำผิดตามประกาศพระราชบัญญัติในข้อ ๔๓ ซึ่งได้ประกาศห้ามไว้แต่ก่อนดุจเดียวกัน
ข้อ๒ห้ามมิให้ราษฎรผู้หนึ่งผู้ใดทำเพิงทำพาไลยค้ำล้ำออกมาบนถนนให้เปนที่กีดขวางทางรถทางม้าทางล้อทางเกวียนคนเดินไปเดินมาแลทำให้ถนนชำรุดเสียไป ถ้าราษฎรผู้หนึ่งผู้ใดแลขืนกระทำ ก็ให้โปลิศรื้อถอนเสีย แล้วให้ปรับเจ้าของที่ปลูกทำเพิงทำพาไลยนั้นเปนเงินห้องละ ๖ บาทเอาเปนพิไนยหลวง
ข้อ๓ห้ามมิให้ราษฎรผู้หนึ่งผู้ใดตั้งม้าปูแผงขายสิ่งของต่าง ๆ บนถนนให้เปนที่กีดขวางทางรถทางม้าทางล้อทางเกวียนแลคนเดินไปเดินมาซึ่งอยู่ในท้องที่โปลิศลาดตระเวรรักษานั้น ก็ให้โปลิศว่ากล่าวห้ามปรามผู้นั้นอย่าให้กระทำอย่างที่เช่นว่ามานี้ครั้งหนึ่งก่อน ถ้าผู้นั้นไม่ฟังตามข้อประกาศ ก็ให้โปลิศจับตัวผู้นั้นมาส่งยังเจ้าพนักงาน ให้เจ้าพนักงานปรับผู้กระทำผิดตามประกาศที่ว่ามาแล้วในข้อ ๑ ดุจเดียวกัน
ข้อ๔ราษฎรแลคนทั้งปวงที่เดีนไปเดินมาในท้องที่โปลิศลาดตระเวรรักษาในเวลากลางวันกลางคืนก็ดี ห้ามมิให้พกมีดแลถือดาบถือปืนที่ประจุกระสุนดินดำแลถือไม้พลองกระบองสั้นแหลนหลาวมาในท้องที่โปลิศรักษา ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดจะซื้อมีดซื้อปืนซื้อไม้หรือยืมผู้ใด แลจะเอาไปใช้กิจการต่าง ๆ ถือมาในท้องที่โปลิศ ก็ให้แจ้งความกับโปลิศให้ทราบเสียก่อน ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดเอาอาวุธเหน็บซ่อนมา โปลิศพบปะ ก็ให้จับตัวผู้นั้นมาส่งยังเจ้าพนักงาน ๆ จะปรับผู้นั้นเปนข้อละเมิด ถ้าปืน เปนเงิน ๓ ตำลึง ถ้าเหล็กมีคม เปนเงิน ๒ ตำลึง ถ้าเหล็กไม่มีคม เปนเงิน ๖ บาท ถ้าเปนไม้พลองกระบองสั้นแลแหลนหลาว เปนเงินตำลึง ๑ เปนพิไนยหลวง แลจะให้มีโทษตามสมควรแก่โทษานุโทษด้วย
ข้อ๕ผู้ที่มีรถใช้เองแลรับจ้างก็ดี เมื่อขับมาในเวลากลางคืน ให้มีโคมจุดมาทั้ง ๒ ข้าง ถ้าโคมที่มีไฟมานั้นเปนอันตรายหรือดับไป ก็ให้หยุดรถในที่สมควร อย่าให้เปนที่กีดขวาง แล้วให้จุดโคมรถเสียทั้ง ๒ ข้าง แล้วจึงขับไป ห้ามมิให้ขับรถไม่มีโคมเพลีงหรือมีแต่ไต้จุดมาต่างโคมเปนอันขาด ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดไม่ทำตามประกาศห้ามมานี้ ก็ให้โปลิศจับตัวผู้กระทำผิดมาส่งยังเจ้าพนักงาน ให้เจ้าพนักงานปรับผู้กระทำดุจคำประกาศกฎหมายโปลิศซึ่งมีอยู่ในข้อ ๕๑ นั้นเปนเงิน ๖ บาท
ข้อ๖ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดขี่ม้าแลขับรถตามถนน ห้ามมิให้ขี่ขับแข่งกันเล่นในที่ถนนหนทางซึ่งคนเดินไปเดินมามักจะเปนอันตรายแก่คนทั้งปวง เพราะถนนเปนของหลวง หาใช่เปนที่สำหรับขี่ม้าขับรถแข่งกันเล่นไม่ ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดยังฝ่าฝืนขืนกระทำอย่างที่ว่ามานี้ ให้โปลิศจับตัวผู้นั้น ๆ มาทั้งคนทั้งม้าทั้งรถส่งเจ้าพนักงาน ให้ขังผู้นั้นเสีย ๒๐ วันไว้ใช้ราชการต่าง ๆ ในกรมโปลิศ แล้วให้สังกัตมุลนายญาติพี่น้องรับตัวไป แล้วอย่าให้ประพฤติการต่อไป
ข้อ๗ผู้หนึ่งผู้ใดมีรถม้ามีล้อมีเกวียนของตัวเองก็ดี หรือรับจ้างก็ดี ขับไปมาตามถนนหนทาง ถ้าจะหยุดพักรับคนที่โดยสาน แลจะรับบันทุกสิ่งของต่าง ๆ หรือจะหยุดพักก็ดี ก็ให้หยุดรถหยุดม้าหยุดล้อหยุดเกวียนในที่อันสมควร อย่าให้เปนที่กีดขวางทางรถทางม้าทางล้อทางเกวียนแลคนเดินไปเดินมาได้เปนอันขนาด ถ้ามิฟัง ก็ให้โปลิศจับตัวผู้นั้นมาส่งยังเจ้าพนักงาน ๆ จะปรับไหมผู้กระทำผิดเปนเงิน ๖ บาทดุจดังประกาศข้อ ๕๑ เหมือนกันเปนพิไนยหลวง
ข้อ๘ผู้ใดผู้หนึ่งมีม้าใช้เทียมรถขี่เองก็ดี รับจ้างเทียมก็ดี เอาม้าที่เจ็บป่วยแลมีบาดแผลมาขับขี่แลเทียมรถ ดูเปนที่สังเวชเปนอันมาก แลสามารถที่จะมีอันตรายทั้งมนุษยแลม้าได้ด้วย เพราะฉนั้น จึงขอห้ามชนทั้งปวงซึ่งมีม้าอันไม่สมควรจะใช้การงาน ขอให้รักษาพยาบาลม้านั้นเสียให้หายเรียบร้อยดี แล้วจึงให้เอาใช้ ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดมิฟังข้อประกาศนี้ ยังขืนกระทำอยู่ ถ้าโปลิศพบเหนแล้ว จะจับผู้ที่ขี่แลขับม้าที่เจ็บป่วยมาทั้งคนทั้งม้า แล้วจะปรับไหมผู้นั้นเปนเงิน ๓ ตำลึงเปนพิไนยหลวง แล้วให้ผู้นั้นเอาม้าไปรักษาพยาบาลให้หายเปนปรกติ
ข้อ๙ราษฎรทั้งปวงที่มีกิจธุระประการใด ๆ จะเดินไปมาในที่ถนนหนทางใด ๆ ซึ่งเปนท้องที่โปลิดลาดตระเวรรักษาพ้นเวลา ๕ ทุ่มแล้ว ให้มีไต้แลมีโคมเพลิงถือมาเปนสำคัญ ถ้าไม่มีโคมแลเพลิงถือมา ก็ให้โปลิศจับผู้นั้นมาส่งยังเจ้าพนักงาน ถ้าไม่มีเหตุว่าเปนผู้ร้ายทำร้ายกับผู้ใดแล้ว ให้เจ้าพนักงานเอาตัวผู้นั้นขังไว้จนเช้า แล้วจึงให้ปล่อยตัวผู้นั้นไป
ข้อ๑๐ถ้าผู้ที่มีกิจธุระจะใช้ม้าในเวลากลางคืนไปมานั้น ให้มีโคมตามนำน่าม้าหรือผู้ทีขี่ม้าถือโคมมาด้วย ถ้าไม่มีโคมนำมา ก็ให้ติดพรวนมาเปนสำคัญ ราษฎรทั้งปวงจะได้เปนที่สังเกต แลจะไม่ได้เปนที่อันตรายแก่คนทั้งปวง ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดทำผิดกฎหมายข้อนี้แล้ว ก็ให้โปลิศจับตัวมาส่งยังเจ้าพนักงานกรมโปลิศ จะทำโทษผู้กระทำผิดตามกฎหมายข้อประกาศโปลิศที่ได้มีไว้ครั้งก่อนในข้อ ๕๑
ข้อ๑๑ราษฎรผู้หนึ่งผู้ใดซึ่งเส้นผีแลไหว้เจ้า ห้ามมีให้จุดประทัดเผากระดาษบนถนนแลน่าบ้านซึ่งเปนที่รถม้าไปมา เพราะเปนเหตุที่จะให้ม้านั้นตื่นตกใจวิ่งไปโดนคนที่เดินไปมาตามถนนแลสิ่งของเปนอันตรายได้ บางทีเพลิงที่จุดประทัดแลกระดาษที่เผานั้นเปนเชื้อเพลิงปลิวกระเด็นไปติดหลังคาบ้านเรือนราษฎรให้เปนที่ตกใจเปนอันตรายได้ต่าง ๆ ตั้งแต่นี้ต่อไป ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดจะจุดประทัดเผากระดาษเส้นไหว้เจ้าไหว้ผี ก็ให้ไปจุดไปเผาในที่แห่งอื่นอันเปนที่สมควร อย่าให้มาเปนที่เกี่ยวข้องซึ่งเปนทางรถทางม้าที่เดินไปมา ถ้าผู้ใดมิฟัง ก็ให้โปลิศจับตัวผู้นั้นมาส่งยังเจ้าพนักงาน ๆ จะปรับไหมผู้ซึ่งกระทำผิดข้อประกาศนี้ แล้วจะเอาเงิน ๖ บาทเปนพิไนยหลวง ประกาศมาณวัน ๑ เดือน ๑๑ ขึ้นค่ำ ๑ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙