ข้ามไปเนื้อหา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๖๘/๒๕๑๒

จาก วิกิซอร์ซ


แม่แบบผิดพลาด: มีการลบช่องที่ไม่ได้ใช้ออก โปรดเติมกลับเข้าไป (โปรดดูเอกสารกำกับแม่แบบ)


คำพิพากษา
 
ตราครุฑ
ตราครุฑ
ที่ ๓๖๘/๒๕๑๒
ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์
ศาลฎีกา
 
บริษัทเนชั่นแนล เปอร์ริโอดิคอล บับลิคเคชั่น อิงค์ โจทก์
โดยนางสาวอีนา เยอร์เกนเซ่น ผู้รับมอบอำนาจ
ระหว่าง

นายเจ้าเต็ง แซ่ลิ้ม เจ้าของร้านลิ้มเข่งสูน จำเลย


เรื่อง เพิกถอนเครื่องหมายการค้า



โจทก์และจำเลยทั้งสองฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ลงวันที่ ๒๑ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๑๐

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบริษัทจำกัด มีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย ก่อตั้งและจดทะเบียนในประเทศสหรัฐอเมริกา มีสำนักงานใหญ่อยู่บนถนนเล็กซิงตัน เมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา โจทก์ได้แต่งตั้งให้นางสาวอีนา เยอร์เกนเซ่น เป็นตัวแทนผู้รับมอบอำนาจโจทก์ในการยื่นคำขอและดำเนินการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ในประเทศไทย ตลอดจนป้องกันคุ้มครองการละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้าของโจทก์ รวมทั้งมีอำนาจยื่นฟ้องและดำเนินคดีในนามของโจทก์ ปรากฏตามเอกสารหมายเลข ๑ ท้ายคำฟ้อง

โจทก์เป็นผู้ประกอบการค้าและผลิตสินค้าจำพวก ๓๙ ประเภทเครื่องเขียน สิ่งตีพิมพ์ และสินค้าอื่น ๆ ส่งไปจำหน่ายเป็นที่นิยมแพร่หลายทั่วโลก รวมทั้งในประเทศก็ได้ส่งเข้ามาจำหน่ายเกินกว่าสิบปีแล้ว โดยใช้เครื่องหมายการค้ารูปคนที่ประดิษฐ์ขึ้น และอักษรโรมันคำว่า “Superman” (ซูเปอร์แมน) อันเป็นรูปลักษณะเฉพาะที่โจทก์ประดิษฐ์ขึ้น ประชาชนทั่วไปเรียกขานเครื่องหมายการค้าของโจทก์ว่า ซูเปอร์แมน เครื่องหมายการค้านี้โจทก์ได้ใช้กับสินค้าของโจทก์มายี่สิบกว่าปีแล้ว ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าทั้งในต่างประเทศ และในประเทศไทยก็ได้จดทะเบียนไว้ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๘๙ ตามคำขอเลขที่ ๑๐๘๗๑ ทะเบียนเลขที่ ๖๓๐๔ ปรากฏตามรูปถ่ายหมายเลข ๒ ท้ายคำฟ้อง นอกจากนั้น ยังเป็นลิขสิทธิ์ซึ่งโจทก์ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายอีกด้วย

เมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๐๓ จำเลยได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ารูปซูเปอร์แมน (รูปคนประดิษฐ์มีอักษร S ติดหน้าอก) อันเป็นสาระสำคัญ มีรูปดาวเป็นส่วนประกอบ ต่อกองเครื่องหมายการค้า กระทรวงเศรษฐการ ในสินคำจำพวก ๓๑ ตามคำขอจดทะเบียนเลขที่ ๓๙๗๑๖ ทะเบียนเลขที่ ๓๑๒๙๙ ปรากฏตามภาพถ่ายรูปเครื่องหมายการค้าของจำเลยท้ายคำฟ้อง หมายเลข ๓

การที่จำเลยเอาเครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์รูปซูเปอร์แมนของโจทก์ไปจดทะเบียนและใช้กับสินค้าของจำเลยโดยดัดแปลงเป็นรูปคนซูเปอร์แมนกำลังเหาะ ใช้อักษร S ติดหน้าอก อันเป็นคำที่เข้าใจและรู้จักกันดีว่าเป็นคำย่อของคำว่า Superman และเพิ่มรูปดาวเข้าเป็นส่วนประกอบอันไม่ใช่สาระสำคัญ ก็หาทำให้แตกต่างไปจากเครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์ของโจทก์ซึ่งได้ใช้และจดทะเบียนมาก่อนจำเลยไม่ เมื่อประชาชนผู้ใช้เห็นเครื่องหมายการค้าของจำเลยก็เข้าใจได้ทันทีว่า เป็นรูปซูเปอร์แมนอันเป็นเครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์ของโจทก์ เป็นการลวงสาธารณชน สามารถทำให้สับสนหลงผิดเข้าใจว่า เป็นสินค้าที่ผลิตขึ้นโดยโจทก์ หรือทำให้เข้าใจไปว่า โจทก์มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ด้วย เป็นการใช้สิทธิไม่สุจริตและใช้สิทธิอันมีแต่จะทำให้โจทก์เสียหาย กับละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์อีกด้วย ทั้งนี้ เป็นเพราะจำเลยเห็นว่า เครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์ของโจทก์เป็นที่รู้จักดี มีชื่อเสียง เป็นที่นิยมในหมู่ประชาชน จึงแอบอ้างอาศัยเกียรติคุณชื่อเสียงในเครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์ของโจทก์เพื่อแสวงหาประโยชน์ใส่ตนโดยมิชอบ

ขอให้พิพากษาให้เพิกถอนเครื่องหมายการค้าของจำเลย ห้ามจำเลยใช้เครื่องหมายการค้านั้นกับสินค้าของจำเลยต่อไป และให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมค่าทนายความแทนโจทก์

จำเลยให้การว่า ในระหว่างที่จำเลยขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยตามคำขอเลขที่ ๓๙๗๑๖ โจทก์ได้ยื่นคำคัดค้านต่อนายทะเบียนเครื่องหมายการค้า นายทะเบียนได้วินิจฉัยให้ยกคำร้องคัดค้านของโจทก์เมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๐๘ โจทก์ได้ทราบคำวินิจฉัยของนายทะเบียนตั้งแต่วันนั้น มิได้ยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัยต่อคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าและมิได้นำคดีขึ้นสู่ศาลภายในเก้าสิบวัน จึงสิ้นสิทธิที่จะนำคดีมาสู่ศาลตามมาตรา ๒๒ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๔๗๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๔

เครื่องหมายการค้าของจำเลยนี้ นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าได้รับจดทะเบียนแล้ว จำเลยจึงเป็นเจ้าของ มีสิทธิแต่ผู้เดียวที่จะใช้สำหรับสินค้าจำพวก ๔๒ มีหัวผักกาดดองเค็ม ผักกาดดอง ตังฉ่าย ซีเต็กฉ่าย เกี้ยมฉ่าย เนื้อกระป๋อง ปลากระป๋อง ไข่เยี่ยวม้า ผลไม้กระป๋อง ผลไม้ดอง โจทก์ไม่มีสิทธิห้ามจำเลย ทั้งรูปตามเอกสารหมายเลข ๒ ท้ายคำฟ้องอันเป็นเครื่องหมายการค้าไม่ใช่วรรณกรรมหรือศิลปกรรมหรือส่วนสำคัญแห่งวรรณกรรมหรือศิลปกรรมอันจะถือลิขสิทธิ์ได้

ตัวอักษรโรมันซึ่งมีรูปร่างลักษณะอ่านว่า เอส นั้น โจทก์ไม่มีสิทธิใช้แต่ผู้เดียว ตัวอักษรที่กล่าวนี้ไม่ใช่คำที่เข้าใจได้ทันทีหรือรู้จักกันดีว่า เป็นคำย่อภาษาอังกฤษว่า ซูเปอร์แมน เครื่องหมายการค้าของโจทก์และจำเลยก็แตกต่างกันมาก ไม่เป็นการลวงสาธารณชน ไม่มีใครเข้าใจว่า เครื่องหมายการค้าของจำเลยเป็นรูปซูเปอร์แมนอันเป็นเครื่องหมายการค้าของโจทก์ ไม่ทำให้ประชาชนสับสนหลงเข้าใจผิดว่า สินค้าของจำเลยเป็นสินค้าที่ผลิตโดยโจทก์หรือโจทก์มีสิทธิเกี่ยวข้องอยู่ด้วย ความจริงเครื่องหมายการค้าของโจทก์ไม่แพร่หลาย ประชาชนไม่รู้จักว่า เครื่องหมายของโจทก์ตามรูปเอกสารท้ายคำฟ้องเป็นเครื่องหมายการค้า จะพบเห็นก็แต่เพียงเป็นรูปการ์ตูนหรือในภาพยนตร์โทรทัศน์

จำเลยใช้สิทธิโดยสุจริต มิได้ใช้สิทธิอันมีแต่จะทำให้โจทก์เสียหาย และมิได้ละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ สินค้าของจำเลยกับของโจทก์เป็นคนละจำพวกห่างไกลกัน ผู้ซื้อสินค้าของจำเลยและของโจทก์เป็นคนละประเภทคนละอาชีพ ไม่มีทางทำให้ใครหลงผิดหรือเข้าใจผิดได้เลย จำเลยมิได้สมอ้างอาศัยเกียรติคุณชื่อเสียงในเครื่องหมายการค้าของโจทก์ รูปเครื่องหมายการค้าของจำเลยที่ใช้จริงปรากฏตามเอกสารหมายเลข ๑ ท้ายคำให้การ จำเลยเรียกชื่อเครื่องหมายการค้าของจำเลยว่า ตราดาวคน รูปลักษณะสีสันแตกต่างกับเครื่องหมายของโจทก์อย่างเทียบกันไม่ได้

ชั้นพิจารณา โจทก์แถลงว่า ได้ทราบคำวินิจฉัยของนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่ให้ยกคำร้องคัดค้านของโจทก์ในเดือนสิงหาคม ๒๕๐๘ โจทก์มิได้ยื่นอุทธรณ์และมิได้นำคดีมาฟ้องศาลภายในเก้าสิบวันนับแต่ทราบคำวินิจฉัยนั้น แต่โจทก์มิได้ฟ้องคดีนี้ตามมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๔ หากแต่ฟ้องโดยอาศัยมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๔๗๔ และรูปซูเปอร์แมนที่จำเลยเอาไปใช้ในเครื่องหมายการค้าของจำเลยเป็นเครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์ที่โจทก์จดทะเบียนไว้แล้ว ย่อมได้รับความคุ้มครอง จำเลยจะนำไปใช้ไม่ได้

ทั้งสองฝ่ายรับกันว่า รูปเครื่องหมายการค้าที่ต่างได้จดทะเบียนไว้นั้น ของโจทก์เป็นรูปตามเอกสารหมายเลข ๒ ของจำเลยเป็นรูปตามเอกสารหมายเลข ๓ ท้ายคำฟ้อง จำเลยได้ใช้เครื่องหมายการค้ากับสินค้าจำพวก ๔๒ มีรายละเอียดในเอกสารหมายเลข ๓ ท้ายคำฟ้อง ส่วนของโจทก์ใช้กับสินค้าประเภทสิ่งพิมพ์ สิ่งตีพิมพ์ จำพวก ๓๙ ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๔๗๔

จำเลยรับว่า รูปคนซูเปอร์แมนมีอักษรโรมันเอสนั้น จำเลยไม่ได้คิดประดิษฐ์ขึ้นเป็นคนแรก แต่ไม่รับรองว่า โจทก์เป็นผู้ประดิษฐ์ขึ้นเป็นคนแรกและจดทะเบียนลิขสิทธิ์ไว้จริงหรือไม่ เฉพาะเครื่องหมายการค้าของจำเลยทั้งรูป จำเลยเป็นผู้ประดิษฐ์ขึ้นเอง โจทก์แถลงว่า รูปคนซูเปอร์แมนมีอักษรโรมันเอสโจทก์เป็นผู้ประดิษฐ์ขึ้นและจดทะเบียนลิขสิทธิ์ไว้

ทั้งนี้ ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณา ลงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๐๙

ต่อมา ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในรายงานกระบวนพิจารณา ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๐๙ ว่า คดีชี้ขาดได้โดยไม่ต้องสืบพยาน ให้งดสืบพยานทั้งสองฝ่าย แล้วพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความหนึ่งร้อยสี่สิบบาทแทนจำเลย โดยวินิจฉัยว่า ข้อหาของโจทก์มิได้อ้างเหตุตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๔๗๔ มาตรา ๔๑ อนุมาตรา ๒ และ ๓ อีกทั้งกรณีไม่ต้องด้วยอนุมาตรา ๑ เพราะไม่ใช่เครื่องหมายอันเดียวกันและใช้สำหรับสินค้าชนิดเดียวกัน อนึ่ง การกระทำของจำเลยไม่ใช่เป็นการละเมิดสิทธิในลิขสิทธิ์ของโจทก์ จำเลยได้จดทะเบียนรูปเครื่องหมายการค้าของจำเลยไว้แล้ว ย่อมมีสิทธิใช้เครื่องหมายการค้าของจำเลยได้ ไม่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตหรือมีแต่จะทำให้โจทก์เสียหาย

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โดยให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์เจ็ดสิบห้าบาทแทนจำเลย

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาได้ฟังทนายโจทก์ทนายจำเลยแถลงการณ์ด้วยวาจาและประชุมปรึกษาแล้ว

ข้อเท็จจริงเป็นอันฟังได้ตามที่รับและไม่ได้โต้เถียงกันว่า โจทก์ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ไว้ในประเทศไทยสำหรับใช้กับสินค้าจำพวก ๓๙ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๘๙ ตามคำขอเลขที่ ๑๐๘๗๑ ทะเบียนเลขที่ ๖๓๐๔ จำเลยได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยสำหรับใช้กับสินค้าจำพวก ๔๒ เมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๐๓ ตามคำขอจดทะเบียนเลขที่ ๓๙๗๑๖ โจทก์ได้ยื่นคำคัดค้านต่อนายทะเบียนเครื่องหมายการค้า นายทะเบียนวินิจฉัยให้ยกคำคัดค้านของโจทก์และจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าให้จำเลยตามทะเบียนเลขที่ ๓๑๒๙๙ โจทก์ทราบคำวินิจฉัยของนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าเมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๐๘ เครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นรูปตามเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๒ ของจำเลยเป็นรูปตามเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข ๓

โดยที่โจทก์แถลงตามรายงานกระบวนพิจารณา ลงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๐๙ ว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้โดยอาศัยมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๔๗๔ และในฐานะเป็นลิขสิทธิ์ที่โจทก์จดทะเบียนไว้แล้วซึ่งได้รับความคุ้มครอง ศาลอุทธรณ์จึงวินิจฉัยเกี่ยวกับมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวโดยเห็นพ้องกับศาลชั้นต้นว่า ข้อหาของโจทก์มิได้อ้างเหตุตามมาตรา ๔๑ (๑), (๓) คงอ้างแต่ว่า โจทก์ได้ใช้และจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์มาก่อนจำเลย ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ว่า หากทางการยอมให้มีการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่ลวงสาธารณชนและเป็นลิขสิทธิ์ของผู้อื่น เป็นการขัดต่อรัฐประศาสโนบายตามมาตรา ๕ (๗) ศาลอุทธรณ์ก็เห็นว่า ฟ้องโจทก์ไม่มีความที่จะอนุโลมได้ว่า โจทก์กล่าวอ้างเช่นนั้น เพราะตามมาตรา ๕ (๗) หมายถึง ตัวเครื่องหมายนั้นเองขัดต่อรัฐประศาสโนบาย ไม่ใช่กรณีดังที่โจทก์กล่าวในอุทธรณ์

ส่วนที่เกี่ยวกับมาตรา ๔๑ (๑) ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า มาตรา ๔๑ (๑) เป็นกรณีพิพาทในเครื่องหมายการค้าอันเดียวกันที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วว่า ใครจะมีสิทธิดีกว่ากัน เครื่องหมายการค้าของโจทก์และจำเลยไม่ใช่เครื่องหมายการค้าอันเดียวกัน และใช้กับสินค้าคนละจำพวก ไม่อาจทำให้สาธารณชนเข้าใจหลงผิดว่า สินค้าของจำเลยเป็นสินค้าที่ผลิตจากบริษัทโจทก์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องให้เพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยได้

โจทก์จึงฎีกาใจความว่า ฟ้องโจทก์กล่าวหาว่า เครื่องหมายการค้าของจำเลยขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายเครื่องหมายการค้า เช่น เอารูปที่เป็นลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้าของโจทก์ไปจดทะเบียนและเป็นเครื่องหมายการค้าที่ลวงสาธารณชนให้เข้าใจผิดสับสนว่าเป็นของโจทก์ เป็นต้น ทั้งไม่มีลักษณะบ่งเฉพาะตามมาตรา ๔ (๕) และขัดต่อรัฐประศาสโนบายตามมาตรา ๕ (๔) แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๔๗๔ เครื่องหมายการค้าของโจทก์และจำเลยถือได้ว่าเป็นเครื่องหมายการค้าอันเดียวกัน คือ เป็นรูปซูเปอร์แมน ไม่ว่าจะมีลักษณะอย่างไรมีอะไรอื่นประกอบก็เรียกว่าเป็นรูปซูเปอร์แมนเหมือนกัน เพราะรูปคนมีลักษณะพิเศษ ซึ่งโจทก์ประดิษฐ์ขึ้นตามจินตนาการของโจทก์เอง ทั้งไม่จำต้องใช้กับสินค้าจำพวกเดียวกัน โจทก์จึงมีสิทธิขอให้เพิกถอน

ศาลฎีกาเห็นว่า เครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นรูปคนมีเสื้อคลุมยืนเท้าเอวอยู่เฉย ๆ ส่วนของจำเลยเป็นรูปคนเกาะดาวอยู่ในท่ากำลังเหาะ รูปดาวใหญ่เด่นชัดแจ้งอยู่ตรงกลางเครื่องหมาย ไม่มีทางจะให้เข้าใจสับสนว่า เป็นเครื่องหมายการค้าอันเดียวกัน อีกทั้งใช้กับสินค้าคนละจำพวก คือ ของโจทก์ใช้กับสินค้าประเภทสิ่งพิมพ์หรือตีพิมพ์ จำพวกที่ ๓๙ ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๔๗๔ ของจำเลยใช้กับสินค้าประเภทวัตถุที่ใช้เป็นอาหาร สินค้าจำพวกที่ ๔๒ ไม่อาจทำให้สาธารณชนเข้าใจหลงผิดว่า สินค้าของจำเลยเป็นสินค้าที่ผลิตจากบริษัทโจทก์ ที่จำเลยใช้รูปคนเกาะดาวอยู่ในท่าที่กำลังเหาะ หาเป็นการละเมิดเครื่องหมายการค้าของโจทก์ที่เป็นรูปคนมีเสื้อคลุมยืนเท้าเอวอยู่เฉย ๆ ไม่ เพราะรูปคนทั่ว ๆ ไป แม้จะอ้างว่า เป็นซูเปอร์แมนหรือเป็นผู้เก่งกาจกว่าคนอื่น ๆ ก็ตาม ก็ไม่มีลักษณะบ่งเฉพาะแต่อย่างใด โจทก์ไม่มีสิทธิสงวนรูปคนไว้ใช้สำหรับเครื่องหมายการค้าของตนแต่ผู้เดียว โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องให้ศาลเพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยได้ ดังที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมาชอบแล้ว

ส่วนที่ว่า เครื่องหมายการค้าของจำเลยขัดต่อรัฐประศาสโนบายตามมาตรา ๕ (๗) โจทก์ให้เหตุผลในฎีกาเป็นใจความว่า เพราะเป็นเครื่องหมายที่ลอกเลียนมาจากเครื่องหมายผู้อื่น และเป็นเครื่องหมายอันเป็นลิขสิทธิ์ของผู้อื่น ข้อนี้ ศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ว่า ฟ้องโจทก์มิได้ตั้งประเด็นเป็นข้อหาไว้ และจะอนุมานว่า ได้มีการตั้งข้อหาเช่นนั้นแล้วดังโจทก์กล่าวในฎีกาก็ไม่ได้ เพราะคำฟ้องต้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๓๒ วรรคสอง ไม่ว่าจะเป็นข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมาย แต่คำฟ้องของโจทก์ในประเด็นข้อนี้หาได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาดังกล่าวไม่ ยิ่งกว่านั้น เหตุผลที่ยกขึ้นกล่าวในฎีกาว่า เครื่องหมายการค้าของจำเลยเป็นเครื่องหมายที่ลอกเลียนมาจากเครื่องหมายผู้อื่นและเป็นเครื่องหมายอันเป็นลิขสิทธิ์ของผู้อื่น ก็ไม่เป็นเหตุผลที่แสดงว่าขัดต่อรัฐประศาสโนบาย เพราะไม่เกี่ยวกับการปกครองบ้านเมืองอย่างใด

คดีมีประเด็นที่จะวินิจฉัยต่อไปตามข้ออ้างของโจทก์ว่า เครื่องหมายการค้าตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๒ เป็นลิขสิทธิ์ที่โจทก์ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย

ศาลฎีกาเห็นว่า ลิขสิทธิ์ในศิลปกรรมที่โจทก์จะมีขึ้นได้นั้น ต้องเป็นศิลปกรรมที่ได้ทำขึ้นในแผนกศิลปะ เช่น รูปศิลปะ รูปตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๒ ไม่ใช่รูปศิลปะ แต่เป็นเพียงเครื่องหมายการค้า สิทธิของโจทก์จึงเป็นสิทธิในเครื่องหมายการค้า ไม่ใช่ลิขสิทธิ์ในศิลปกรรม โจทก์จะฟ้องขอให้เพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยโดยอ้างว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ไม่ได้

โจทก์ฎีกาเป็นประการสุดท้ายว่า จำเลยใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ข้อนี้ ศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ว่า เมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยดังวินิจฉัยข้างต้นแล้ว ก็ย่อมไม่เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ และถือไม่ได้ว่า เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตอันมีแต่จะทำให้โจทก์เสียหาย

ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลย และพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์ ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้นทุกข้อ

พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกาหนึ่งร้อยบาทแทนจำเลย



วงษ์ วีระพงศ์


ประกอบ หุตะสิงห์


บัญญัติ สุขารมณ์



ดูเพิ่ม

[แก้ไข]




ขึ้น

งานนี้ไม่มีลิขสิทธิ์ เพราะเป็นงานตาม แม่แบบผิดพลาด: โปรดระบุประเภทของงานนี้ (ดูวิธีใช้) แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ของประเทศไทย ซึ่งบัญญัติว่า

"มาตรา 7 สิ่งต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้
(1)ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร อันมิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
(2)รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
(3)ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น
(4)คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
(5)คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ตาม (1) ถึง (4) ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น จัดทำขึ้น"