คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๔๓๔๙/๒๕๕๔
- ชั้นต้น
- ชั้นอุทธรณ์
- ชั้นฎีกา
ที่ ๔๓๔๙/๒๕๕๔ |
พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด | โจทก์ | ||
ระหว่าง | |||
นายชุง คิง ฟุ ที่ ๑ | จำเลย | ||
นายวรยศ บุญทองนุ่ม ที่ ๒ | |||
นางจารุวรรณ โชติเฉลิมศักดิ์ ที่ ๓ |
เรื่อง ความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ความผิดต่อพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ความผิดต่อพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ความผิดต่อพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง
จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ลงวันที่ ๒๓ เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๐ ศาลฎีการับวันที่ ๒๐ เดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๑
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันกระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๔๗ เวลากลางวัน จำเลยทั้งสามกับพวกร่วมกันมี ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ จำนวนหน่วยการใช้สองพันเก้าร้อยแปดสิบเก้าเม็ด น้ำหนักสุทธิแปดร้อยเก้าสิบเก้ากรัมสามร้อยเก้าสิบขีด คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้สี่ร้อยห้าสิบเอ็ดกรัมหนึ่งร้อยสามสิบสี่ขีด อันเป็นส่วนหนึ่งของ ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยทั้งสามร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อไปในราคาหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จำเลยที่ ๒ มีกัญชาอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ จำนวนหนึ่งถุง น้ำหนักสุทธิสิบสองกรัมเก้าร้อยเก้าสิบขีด ไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต และจำเลยที่ ๒ ได้ขายโดยมีไว้เพื่อขายคีตามีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๒ ชนิดของเหลวใสบรรจุขวดจำนวนสี่ขวด น้ำหนักสุทธิสี่สิบสามกรัมหกร้อยหกสิบขีด คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์สองกรัมหกร้อยแปดสิบห้าขีด ซึ่งเกินกว่าศูนย์กรัมห้าร้อยขีดตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด โดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่ได้รับการยกเว้นใด ๆ อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จำเลยที่ ๑ เป็นบุคคลต่างด้าวสัญชาติบริติชเนชันนัล (โอเวอร์ซีส์) มีภูมิลำเนาอยู่นอกราชอาณาจักรไทย เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยเมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๔๗ และได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยถึงวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๔๗ ครั้นเมื่อระหว่างวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๔๗ เวลากลางคืนก่อนเที่ยง ถึงวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๔๗ เวลากลางวันต่อเนื่องกัน จำเลยที่ ๑ ได้อยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุด เหตุเกิดที่แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ และแขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร เกี่ยวพันกัน เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ได้พร้อมด้วย ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยทั้งสามร่วมกันมีไว้เพื่อจำหน่ายและได้จำหน่ายให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อจำหน่ายหนึ่งพันเม็ด และได้ตรวจยึด ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยทั้งสามร่วมกันมีไว้เพื่อจำหน่ายและเหลือจากการจำหน่ายอีกจำนวนหนึ่งพันเก้าร้อยแปดสิบเก้าเม็ด, กัญชาหนึ่งถุง, คีตามีนสี่ขวดที่จำเลยที่ ๒ มีไว้เป็นความผิด, โทรศัพท์เคลื่อนที่หมายเลข ๐ ๙๒๐๖ ๒๙๗๒ และหมายเลข ๐ ๑๓๒๗ ๘๘๖๖ ซึ่งเป็นเครื่องมือสื่อสารที่จำเลยทั้งสามใช้ติดต่อซื้อขายและส่งมอบยาเสพติดให้โทษ และขวดสำหรับใช้เสพกัญชาหนึ่งขวด เป็นของกลาง จำเลยที่ ๓ เป็นบุคคลคนเดียวกันกับจำเลยที่ ๑ ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๓๗๙๒/๒๕๔๕ ของศาลชั้นต้น ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๘, ๑๕, ๒๖, ๖๖, ๗๖, ๑๐๒, พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๔, ๖, ๑๓ ทวิ, ๖๒, ๘๙, ๑๐๖ ทวิ, ๑๑๖, ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒, ๓๓, ๘๓, ๙๑, พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๘๑, พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๗ ริบของกลางทั้งหมด และนับโทษจำเลยที่ ๓ ติดต่อกับโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๓๗๙๒/๒๕๔๕ ของศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพฐานจำหน่าย ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนจำนวนหนึ่งพันเม็ด และฐานเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด ส่วนข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้การปฏิเสธ
จำเลยที่ ๒ ให้การรับสารภาพ
จำเลยที่ ๓ ให้การปฏิเสธ แต่รับว่า เป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง, วรรคสาม (ที่ถูก มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง และวรรคสาม (๒)), ๖๖ วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๘๑ การกระทำของจำเลยที่ ๑ เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ลงโทษฐานมี ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกตลอดชีวิตและปรับหนึ่งล้านบาท, ฐานจำหน่าย ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีน จำคุกตลอดชีวิตและปรับหนึ่งล้านบาท, ฐานเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต (ที่ถูก ฐานเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด) จำคุกสี่เดือน จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพฐานจำหน่าย ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีน และฐานเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต (ที่ถูก ฐานเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด) เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ประกอบมาตรา ๕๓ คงลงโทษจำเลยที่ ๑ ฐานจำหน่าย ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีน จำคุกยี่สิบห้าปี และปรับห้าแสนบาท, ฐานเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต (ที่ถูก ฐานเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด) จำคุกสองเดือน เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ ๑ ตลอดชีวิตและปรับหนึ่งล้านห้าแสนบาท จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง, วรรคสาม (ที่ถูก มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง และวรรคสาม (๒)), ๒๖ วรรคหนึ่ง, ๖๖ วรรคสาม, ๗๖ วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๑๓ ทวิ, ๘๙ (ที่ถูกมาตรา ๑๓ ทวิ วรรคหนึ่ง, ๖๒ วรรคหนึ่ง, ๘๙, ๑๐๖ ทวิ) การกระทำของจำเลยที่ ๒ เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ลงโทษฐานมี ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกตลอดชีวิตและปรับหนึ่งล้านบาท, ฐานจำหน่าย ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีน จำคุกตลอดชีวิตและปรับหนึ่งล้านบาท, ฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกสี่เดือน, ฐานมีคีตามีนไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีกำหนดไว้ เพื่อขาย (ที่ถูก ฐานมีคีตามีนไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีกำหนดไว้และฐานมีคีตามีนไว้ในครอบครองเพื่อขาย เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบาท ซึ่งแต่ละบทมีอัตราโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานมีคีตามีนไว้ในครอบครองเพื่อขาย) จำคุกห้าปี จำเลยที่ ๒ ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ประกอบมาตรา ๕๓ คงลงโทษฐานมี ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกยี่สิบห้าปีและปรับห้าแสนบาท, ฐานจำหน่าย ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีน จำคุกยี่สิบห้าปีและปรับห้าแสนบาท, ฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกสองเดือน, ฐานมีคีตามีนไว้ในครอบครองเพื่อขาย จำคุกสองปีหกเดือน เมื่อรวมกระทงลงโทษแล้ว ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนดห้าสิบปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ (๓) และปรับหนึ่งล้านบาท หากจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ ริบของกลางทั้งหมด สำหรับจำเลยที่ ๓ ให้ยกฟ้อง
โจทก์, จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวน ประชุมปรึกษาแล้ว ทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่า ประมาณเดือนเมษายน ๒๕๔๘ เจ้าพนักงานตำรวจสืบทราบว่า มีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดให้โทษลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้โทษแก่ลูกค้าโดยใช้ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าฟู้ดแลนด์ สาขารามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร เป็นสถานที่เจรจาซื้อขายและส่งมอบยาเสพติดให้โทษ จึงให้สายลับไปทำการติดต่อล่อซื้อ วันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๔๗ สายลับแจ้งแก่ร้อยตำรวจเอก ธนูเทพ ฤทธิ์ฦๅชัย รองสารวัตรกองกำกับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ๒ ว่า สามารถติดต่อกับนายเคนซึ่งใช้โทรศัพท์หมายเลข ๐ ๙๒๐๖ ๒๙๗๒ ล่อซื้อ ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนจำนวนหนึ่งพันเม็ด ราคาเม็ดละหนึ่งร้อยห้าสิบบาท รวมเป็นเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท และนัดเจรจาตกลงซื้อขายกันอีกครั้งในวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๔๗ เวลา ๑๔ นาฬิกา ที่ร้านกาแฟภายในห้างสรรพสินค้าฟู้ดแลนด์ สาขารามคำแหง ครั้นถึงวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๔๗ ร้อยตำรวจเอก สำราญ นวลมา สารวัตรงานสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ๒ ได้ประชุมวางแผนล่อซื้อและจับกุมผู้กระทำความผิด โดยจะมอบธนบัตรใบละหนึ่งพันบาทรวมหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทซึ่งได้ลงบันทึกประจำวันและบันทึกหมายเลขธนบัตรไว้บางส่วนมอบให้สายลับไปล่อซื้อ หลังจากนั้น เจ้าพนักงานตำรวจแต่งกายนอกเครื่องแบบแยกย้ายกันไปปฏิบัติการตามแผน โดยกระจายกำลังกันไปซุ่มสังเกตการณ์อยู่บริเวณร้านกาแฟภายในห้างสรรพสินค้าฟู้ดแลนด์ สาขารามคำแหง และบริเวณใกล้เคียง ส่วนสายลับไปนั่งรอนายเคนภายในร้านกาแฟ ต่อมา เวลา ๑๕ นาฬิกา จำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์มาจอดบริเวณห้างสรรพสินค้าดังกล่าวแล้วเข้าไปพูดกับสายลับประมาณสามสิบนาที หลังจากนั้น จำเลยที่ ๑ แยกกับสายลับแล้วขับรถยนต์ของตนไปที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ ๓ เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่า จำเลยที่ ๑ ต้องการดูเงินที่ใช้ซื้อยาเสพติดให้โทษก่อน โดยแจ้งกับสายลับว่า หากเงินพร้อมแล้วให้ไปรับจำเลยที่ ๑ ที่หน้าร้านอาหารแม็คโดนัลด์ ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ ๒ ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ ๓ ในเวลา ๑๕:๓๐ นาฬิกา แล้วจำเลยที่ ๑ จะนำสายลับไปรับยาเสพติดให้โทษจากเพื่อนของจำเลยที่ ๑ เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมจึงวางแผนกันอีกครั้งหนึ่งและมอบเงินจำนวนหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทแก่สายลับไปโดยตกลงกันว่า หากล่อซื้อยาเสพติดให้โทษได้แล้ว ให้สายลับลดกระจกด้านหลังรถยนต์ลงเพื่อเป็นสัญญาณให้เจ้าพนักงานตำรวจจับกุม หลังจากนั้น เจ้าพนักงานตำรวจแต่งกายนอกเครื่องแบบเดินทางไปยังจุดหมาย ต่อมา สายลับขับรถยนต์มารับจำเลยที่ ๑ ที่จุดนัดหมายแล้วพาจำเลยที่ ๑ ไปยังอาคารชุดบดินทร์สวีทโฮม ๒ ซอยลาดพร้าว ๙๔ แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร เจ้าพนักงานตำรวจตามรถของสายลับไปถึงอาคารชุดดังกล่าวแล้วกระจายกำลังไปซุ่มสังเกตการณ์อยู่ที่บริเวณลานจอดรถและบริเวณใกล้เคียง จำเลยที่ ๑ ลงจากรถยนต์ของสายลับยืนคุยโทรศัพท์เคลื่อนที่ข้างรถยนต์ สักครู่หนึ่ง จำเลยที่ ๒ เดินลงจากอาคารชุดดังกล่าวเข้ามาพูดคุยกับจำเลยที่ ๑ แล้วจำเลยที่ ๒ เดินกลับเข้าไปในอาคารชุดประมาณสิบนาทีจึงเดินกลับออกมาพร้อมหิ้วถุงสีขาวเดินมาที่รถยนต์ของสายลับคุยกับจำเลยที่ ๑ ซึ่งยืนอยู่ข้างรถยนต์แล้วส่งมอบถุงดังกล่าวแก่จำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ จึงเข้าไปนั่งในรถยนต์ของสายลับ สักครู่หนึ่ง เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมเห็นกระจกด้านข้างรถยนต์ของสายลับลดลงจึงเข้าจับกุมจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ค้นตัวจำเลยที่ ๑ พบโทรศัพท์เคลื่อนที่ยี่ห้อโมโตโรล่าหมายเลข ๐๙๒๐๖ ๒๙๗๒ ซึ่งเป็นหมายเลขเดียวกับที่สายลับเคยติดต่อล่อซื้อ บัตรเครดิตและหนังสือเดินทางจำนวนหนึ่ง ถุงสีขาวภายในมีกล่องสี่เหลี่ยมบรรจุ ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนซึ่งบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกถุงละหนึ่งร้อยเม็ดจำนวนสิบถุง รวมทั้งสิ้นหนึ่งพันเม็ด และค้นตัวจำเลยที่ ๒ พบโทรศัพท์เคลื่อนที่ยี่ห้อซีเมนต์หนึ่งเครื่อง ชั้นจับกุม จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ให้การรับสารภาพว่า ยาเสพติดให้โทษดังกล่าวเป็นของจำเลยทั้งสองจริงโดยรับมาจากชาวสิงคโปร์ชื่อ นายอาหมิง แล้วนำมาฝากไว้กับจำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นคนรักของจำเลยที่ ๒ ที่ห้องเลขที่ ๓๑๒ อาคารบดินทร์สวีทโฮม ๒ นอกจากนี้ จำเลยที่ ๒ รับว่า ยังมียาเสพติดให้โทษอีกจำนวนหนึ่งอยู่ในห้อง เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมจึงนำตัวจำเลยที่ ๒ ไปตรวจค้นห้องดังกล่าว พบ ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนชนิดเม็ดกลมสีชมพูถุงละหนึ่งร้อยเม็ดจำนวนสิบเก้าถุง และถุงละแปดสิบเก้าเม็ดจำนวนหนึ่งถุง, คีตามีนชนิดของเหลวในขวดสีชาจำนวนสี่ขวด, กัญชาหนึ่งหนึ่ง, ขวดน้ำชาโออิชิซึ่งดัดแปลงเป็นอุปกรณ์เสพกัญชาจำนวนหนึ่งขวด จำเลยที่ ๒ รับว่า ของกลางทั้งหมดที่พบภายในห้องเป็นของจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ซึ่งรับมาจากจำเลยที่ ๑ เพื่อรอจำหน่ายให้แก่ลูกค้า โดยจำเลยที่ ๑ จะเป็นผู้ติดต่อหาลูกค้าแล้วนัดมารับของบริเวณด้านล่างของอาคารชุดดังกล่าวซึ่งจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ จะนำยาเสพติดให้โทษมาส่งมอบแก่ลูกค้า
จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ไม่สืบพยาน
พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ตามวัน เวลา และสถานที่เกิดเหตุในฟ้อง ร้อยตำรวจเอก ธนูเทพ ฤทธิ์ฦาชัย และดาบตำรวจ ธวัชชัย แตงอ่อน กับพวก ร่วมกันจับกุมจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ พร้อมกับยึด ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนจำนวนสองพันเก้าร้อยแปดสิบเก้าเม็ด คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้สี่ร้อยห้าสิบเอ็ดกรัมหนึ่งร้อยสามสิบสี่ขีด, กัญชาหนึ่งถุงน้ำ หนักสุทธิสิบสองกรัมเก้าร้อยเก้าสิบขีด, คีตามีนสี่ขวด น้ำหนักสุทธิสี่สิบสามกรัมหกร้อยหกสิบขีด เป็นของกลาง มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ ๑ ว่า จำเลยที่ ๑ กระทำความผิดฐานร่วมกันมี ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์หรือไม่ โจทก์มีร้อยตำรวจเอก ธนูเทพและดาบตำรวจ ธวัชชัยผู้ร่วมจับกุมจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ เป็นพยานเบิกความว่า ร้อยตำรวจเอก ธนูเทพได้สอบถามจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ เกี่ยวกับ ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนจำนวนหนึ่งพันเม็ด จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ให้การรับสารภาพว่า ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวเป็นของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ โดยจำเลยที่ ๑ รับ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวมาจากนายอาหมิง ไม่ทราบชื่อและชื่อสกุลจริง ชาวสิงคโปร์ แล้วนำมาฝากไว้กับจำเลยที่ ๒ และคนรักของจำเลยที่ ๒ ที่ห้องเลขที่ ๓๑๒ อาคารบดินทร์สวีทโฮม ๒ และรับว่า ยังมี ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนอีกชุดซุกซ่อนอยู่บนห้องดังกล่าว พยานทั้งสองกับพวกจึงนำจำเลยที่ ๒ ไปตรวจค้นห้องดังกล่าว โดยจำเลยที่ ๒ เป็นผู้นำตรวจค้นด้วยดี ห้องดังกล่าวปิดประตูไว้แต่ไม่ได้ล็อกกุญแจ ดาบตำรวจ ธวัชชัยพบ ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนชนิดเม็ดสีชมพูชนิดเดียวกับที่ได้จากการล่อซื้ออย่ในกล่องกระดาษสีส้มวางอยู่ใต้ชั้นวางเครื่องรับโทรทัศน์จำนวนสิบเก้าถุง ถุงละหนึ่งร้อยเม็ด รวมทั้งสิ้นหนึ่งพันเก้าร้อยเม็ด นอกจากนี้ ยังพบ ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนชนิดเม็ดสีชมพูหนึ่งถุงจำนวนเก้าสิบแปดเม็ดอยู่บนชั้นวางของ ภายในห้องยังพบคีตามีนซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท ๒ ชนิดขวดสีชาสี่ขวดวางอยู่บนชั้นวางของ และกัญหาแห้งหนึ่งถุงอยู่ในตู้เย็นชั้นล่างสุด จึงยึดเป็นของกลาง จำเลยที่ ๒ รับว่า ของกลางทั้งหมดที่พบในห้องเป็นของจำเลยที่ ๒ กับคนรักซึ่งรับมาจากจำเลยที่ ๑ เพื่อรอจำหน่ายให้แก่ลูกค้า เห็นว่า จำเลยที่ ๑ ไม่ได้พักอยู่ในห้องที่เกิดเหตุ แต่เป็นจำเลยที่ ๒ ซึ่งพักอยู่ในห้องที่เกิดเหตุ พยานทั้งสองกับพวกไม่ได้นำจำเลยที่ ๑ ไปร่วมตรวจค้นห้องที่เกิดเหตุกับจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ นำตรวจค้นห้องที่เกิดเหตุเพียงคนเดียว จากการตรวจค้นห้องที่เกิดเหตุ พบ ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนจำนวนหนึ่งพันเก้าร้อยแปดสิบเก้าเม็ด, วัตถุออกฤทธิ์คีตามีนชนิดขวดสีชาสี่ขวด, กัญหาแห้งหนึ่งถุง พยานทั้งสองแจ้งข้อหาเพิ่มเติมแก่จำเลยที่ ๒ ว่า มีคีตามีนซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท ๒ ไว้ในครอบครองเพื่อขายโดยผิดกฎหมาย และมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ไม่ได้แจ้งข้อหาทั้งสองนี้แก่จำเลยที่ ๑ แสดงว่า ยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ของกลางทั้งสองชนิดที่ค้นได้ในห้องที่เกิดเหตุไม่ใช่ของจำเลยที่ ๑ หรือจำเลยที่ ๑ มีส่วนร่วมในการครอบครองกับจำเลยที่ ๒ และ ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนจำนวนหนึ่งพันเก้าร้อยแปดสิบเก้าเม็ดที่ค้นพบในห้องเกิดเหตุไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่า เป็นของจำเลยที่ ๑ แต่อยู่รวมกับยาเสพติดให้โทษอื่นในห้องเกิดเหตุ ดาบตำรวจ ธวัชชัยเบิกความตอบทนายจำเลยที่ ๑ ถามค้านว่า ในการตรวจค้นห้องจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๑ ไม่ได้นำตรวจค้นด้วย ในวันดังกล่าว จำเลยที่ ๒ ไม่ได้ให้การซัดทอดจำเลยที่ ๑ ที่ร้อยตำรวจเอก ธนูเทพเบิกความว่า สอบถามจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ รับว่า ของกลางดังกล่าวทั้งหมดที่พบภายในห้องเป็นจำเลยที่ ๒ กับคนรักซึ่งรับมาจากจำเลยที่ ๑ เพื่อรอจำหน่ายให้แก่ลูกค้า โดยวิธีจำหน่าย คือ จำเลยที่ ๑ จะเป็นผู้ติดต่อหาลูกค้าและจะให้มารับของที่บริเวณลานจอดรถด้านล่างของอาคารบดินทร์สวีทโฮม ๒ จึงขัดแย้งกับคำเบิกความของดาบตำรวจ ธวัชชัยในสาระสำคัญ ส่วนคำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ ๑ ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนนั้นเป็นเพียงพยานบอกเล่าซึ่งมีน้ำหนกน้อย พยานหลักฐานของโจทก์ดังกล่าวมานี้ยังไม่มีน้ำหนักมั่นคงให้รับฟังได้ว่า จำเลยที่ ๑ กระทำความผิดฐานร่วมกันมี ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ฎีกาของจำเลยที่ ๑ ในข้อนี้ฟังขึ้น ส่วนฎีกาข้ออื่นของจำเลยที่ ๑ ที่ว่า การสอบสวนจำเลยที่ ๑ ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ อีกทั้งไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยด้วย ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยในข้อนี้
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ ๒ ว่า มีเหตุสมควรลงโทษจำเลยที่ ๒ ในสถานเบาหรือไม่ สำหรับความผิดฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและฐานมีคีตามีนไว้ในครอบครองเพื่อขาย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี จึงห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ วรรคแรก ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยในความผิดฐานดังกล่าว ส่วนความผิดฐานมี ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนตามฟ้องนั้นต้องด้วยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๖ วรรคสาม ซึ่งมีระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตและปรับตั้งแต่หนึ่งล้านบาทถึงห้าล้านบาท หรือประหารชีวิต ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษฐานมี ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีน จำคุกกระทงละตลอดชีวิตและปรับหนึ่งล้านบาทก่อนลดโทษให้กึ่งหนึ่งนั้น เป็นการลงโทษในอัตราขั้นต่ำสุดตามกฎหมายแล้ว ศาลฎีกาไม่อาจลงโทษเบากว่านี้ได้ และกรณีไม่มีเหตุที่จะลงโทษจำเลยที่ ๒ น้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด ฎีกาของจำเลยที่ ๒ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๑ ในความผิดฐานร่วมกันมี ๓, ๔-เมทิลลีนไดออกซีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต คงลงโทษจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนดยี่สิบห้าปีสองเดือนและปรับห้าแสนบาท กรณีกักขังแทนค่าปรับ ให้กักขังเป็นระยะเวลาหนึ่งปี นอกจากที่แก้ คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
- เกียรติศักดิ์ เกียรติดำรง
- สมศักดิ์ จันทรา
- เอกชัย ชินณพงศ์
- หมายเหตุ มีคำรับรองของประธานศาลฎีกาแนบท้าย
งานนี้ไม่มีลิขสิทธิ์ เพราะเป็นงานตาม แม่แบบผิดพลาด: โปรดระบุประเภทของงานนี้ (ดูวิธีใช้) แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ของประเทศไทย ซึ่งบัญญัติว่า
- "มาตรา 7 สิ่งต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้
- (1)ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร อันมิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
- (2)รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย
- (3)ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือโต้ตอบของกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น
- (4)คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
- (5)คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ตาม (1) ถึง (4) ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐหรือของท้องถิ่น จัดทำขึ้น"