ซ้องกั๋ง/เล่ม ๑/ตอน ๑๓
หน้า ๑๓๘–๑๔๔ สารบัญ
ฝ่ายเอียจี้รับใช้การงานอยู่ที่บ้านเนียสิเกียดมิได้ขาด เนียสิเกียดเห็นเอียจี้เป็นคนสัตย์ซื่อดี จะตั้งให้เป็นขุนนางก็กลัวคนทั้งหลายจะนินทาว่า เอียจี้เป็นโทษเพิ่งจะส่งมา ความชอบสิ่งใดก็ไม่มี ทั้งยังเป็นโทษ ถ้าตั้งเป็นขุนนาง ถ้าคนทั้งปวงเขาไม่ยอม เราจะทำประการใด คิดแล้วจึงเรียกเอียจี้มาถามว่า เรามีจิตเมตตาจะชุบเลี้ยงเจ้าให้ได้เงินทองใช้สอยบ้างเล็กน้อย กลัวคนจะนินทาว่า เจ้ายังไม่มีความชอบสิ่งใด คิดว่า จะทดลองฝีมือพวกทหาร ด้วยได้ยินข่าวเล่าลือว่า ฝีมือเพลงอาวุธเจ้าชำนิชำนาญว่องไวนัก แต่ไม่รู้ว่า จะจริงหรือไม่ ถ้าเจ้าซักซ้อมได้ดีจริงแล้ว เราจะตั้งให้เป็นขุนนางมียศศักดิ์ขึ้นบ้าง เอียจี้ว่า ตัวข้าพเจ้านี้ตั้งแต่เล็กจนใหญ่ไม่ได้ทำสิ่งใด ฝึกหัดแต่เพลงอาวุธอย่างเดียวเท่านั้น และท่านมีความเมตตาจะชุบเลี้ยง ข้าพเจ้าขอทดลงฝีมือให้ท่านดูสักครั้งหนึ่ง เนียสิเกียดได้ฟังก็ยินดี สั่งให้ขุนนางทหารตระเตรียมกันไว้พร้อม ขุนนางฝ่ายทหารก็ไปจัดการเตรียมไว้เสร็จ ครั้นรุ่งขึ้นเวลาเช้า เนียสิเกียดเอาเสื้อเกราะและกางเกงเครื่องแต่งตัวให้เอียจี้แล้วพาไปสนาม ลีเส็ง กับบุนตัด นายทหารรองของเนียสิเกียด ลีเส็งนั้นชาวบ้านมักเรียกว่า ลีเทียนอ๋อง บุนตัดนั้นก็เป็นสอง ชื่อเรียกว่า บุนตัวตอ ชื่อหนึ่ง[1] นายทหารสองคนนี้ฝีมือเข้มแข็ง เห็นเนียสิเกียด ผู้สำเร็จราชการ มา ก็ลงจากเก้าอี้มาเชิญเนียสิเกียดขึ้นนั่งที่สมควร ขุนนางนายทหารเหล่านั้นก็นั่งเป็นลำดับตามผู้ใหญ่ผู้น้อย เนียสิเกียดเห็นทหารที่จะทดลองฝีมือเพลงอาวุธมาพร้อมกันแล้ว ก็สั่งให้ขี่ม้าตั้งเป็นกระบวนยืนเรียงกัน ร้องเรียกจิวกิ้น นายทหาร มาบอกว่า วันนี้ เราจะให้พวกเจ้าซ้อมเพลงอาวุธให้สิ้นฝีมือ เจ้าจงซักซ้อมให้เราดูแต่คนเดียวก่อน จิวกิ้นก็คำนับถอยออกมาขับม้ารำเพลงอาวุธแต่ผู้เดียวได้ครู่หนึ่งแล้วก็หยุดม้ายืนอยู่ข้างสนาม คนทั้งปวงก็พากันชมว่า จิวกิ้นฝีมือเข้มแข็งคล่องแคล่วดี เนียสิเกียดร้องเรียกเอียจี้มาพูดว่า เดิมเจ้าก็เป็นขุนนางฝ่ายทหารเมืองหลวง บัดนี้ บ้านเมืองเกิดโจรผู้ร้ายชุกชุมไม่มีความสุข จึงได้ซ้อมเพลงอาวุธ ปรารถนาจะหาคนที่มีฝีมือเข้มแข็งไว้สำหรับปราบโจรผู้ร้ายและข้าศึกศัตรูซึ่งเกิดขึ้นในแผ่นดิน ตัวเจ้าเขาเลื่องลือว่า ฝีมือดี จะทดลองดูกับจิวกิ้น ขุนนางนายทหาร ได้หรือไม่ ถ้าเจ้ามีชัยชำนะแก่จิวกิ้น เราจะตั้งให้ว่าราชการตำแหน่งจิวกิ้นสืบต่อไป เอียจี้ว่า ข้าพเจ้าจะทดลองให้ท่านดู สุดแล้วแต่จะเห็นควร เนียสิเกียดจึงสั่งให้เอาม้ากับเครื่องอาวุธมาให้ เอียจี้ก็แต่งตัวถือทวนขึ้นม้าออกมากลางสนาม จิวกิ้นถือทวนขับม้าออกมาร้องตวาดว่า เจ้าคนโทษนี้หรือจะทดลงฝีมือกับเรา ก็ขับม้าจะเข้าสู้รบกัน บุนตัด นายทหารใหญ่ จึงร้องห้ามว่า อย่าเพิ่งสู้รบกันก่อน บุนตัดก็ไปพูดกับเนียสิเกียดว่า ท่านจะให้ทดลองฝีมือดูว่า ผู้ใดจะเข้มแข็ง จะได้เอาไว้สำหรับปราบโจรผู้ร้าย ก็ดีแล้ว แต่คนทั้งสองนี้เป็นคนของเรา เอาเครื่องศัสตราวุธจริง ๆ เข้าทดลอง ถ้าพลาดพลั้งถูกเข้าก็คงตายข้างหนึ่ง ข้าพเจ้าเห็นว่า ปลายทวนนั้นเอาผ้ามาหุ้มห่อให้ดี แล้วเอาไปชุบน้ำปูนขาว ผู้ที่จะทดลองนั้นให้ใส่เสื้อดำกางเกงดำ ถ้าผู้ใดฝีมือเข้มแข็งแทงถูกมาก เสื้อกางเกงดำก็จะเป็นรอยขาวมาก ผู้นั้นก็แพ้ จึงจะไม่เป็นอันตราย เนียสิเกียดได้ฟังเห็นชอบด้วย สั่งให้ทำตามคำบุนตัดทุกประการ แล้วจิวกิ้นกับเอียจี้ก็ขับม้าเข้าสู้รบกันได้ประมาณห้าสิบเพลง เอียจี้แทงถูกจิวกิ้นเป็นรอยปูนขาวไปทั้งตัว เนียสิเกียดเห็นก็ร้องห้ามให้หยุด แล้วเรียกจิวกิ้นเข้าไปพูดว่า เพลงอาวุธของเจ้าเห็นจะไปปราบพวกโจรและข้าศึกไม่ได้ จะทำราชการตำแหน่งนายทหารนี้ไปไม่ควร ให้เอียจี้ว่ากล่าวทำราชการไปดีกว่า ลีเส็งเป็นพวกของจิวกิ้น ครั้นได้ฟังเนียสิเกียดพูดดังนั้น ก็เข้าไปคำนับแล้วพูดว่า จิวกิ้นนี้ป่วยอยู่ ไม่ได้ซักซ้อม เพลงทวนจึงไม่ว่องไว ซึ่งเพลงเกาทัณฑ์ของจิวกิ้นนี้คล่องแคล่วแม่นยำนัก ขอท่านได้ทดลองดูฝีมือเกาทัณฑ์ว่า ผู้ใดจะแม่นยำว่องไวดี เนียสิเกียดได้ฟังก็สั่งให้ยิงเกาทัณฑ์ เอียจี้กับจิวกิ้นจึงแต่งตัวถือเกาทัณฑ์ขึ้นม้ามาคำนับเนียสิเกียด แล้วเอียจี้พูดว่า ซึ่งท่านให้ทดลองฝีมือเกาทัณฑ์นั้น ถ้าจิวกิ้นยิงข้าพเจ้าตายก็ไม่เป็นไร ถ้าข้าพเจ้ายิงไปถูกจิวกิ้นตาย ท่านจะโปรดประการใด เนียสิเกียดว่า การทดลองฝีมือจะถือกันไม่ได้ ผู้ใดไม่คล่องแคล่วว่องไวหลบไม่ทันถูกตายก็แล้วไป ลีเส็งได้ฟังเนียสิเกียดพูดดังนั้นก็เข้าไปคำนับแล้วว่า ผู้จะทดลองฝีมือนี้ก็เป็นคนของเราทั้งสองฝ่าย ซึ่งเกาทัณฑ์และเครื่องศัสตราวุธทั้งหลายเข้าสู้กันแล้วยั้งมือก็ไม่ทัน ขอท่านจงให้โล่สำหรับปัดลูกเกาทัณฑ์ จะได้ป้องกันไม่เป็นอันตราย เนียสิเกียดก็สั่งให้มีโล่สำหรับไว้บังลูกเกาทัณฑ์คนละอัน เอียจี้บอกกับจิวกิ้นว่า เราจะขับม้าไปหน้า ท่านขับม้าตามมายิงเราก่อน เอียจี้ก็ขับม้าไป จิวกิ้นขับม้าไล่เอาเกาทัณฑ์ยิงไปสองครั้ง เอียจี้เอาโล่ปัดลูกเกาทัณฑ์เสียหาถูกไม่ จึงคิดว่า เราปัดลูกเกาทัณฑ์เสียนี้ไม่ควร จะต้องให้จิวกิ้วเห็นฝีมือว่าว่องไวมิดีหรือ คิดดังนั้นก็ขับไป จิวกิ้นขับม้าไล่ยิ่งเกาทัณฑ์มา เอียจี้ก็จับลูกเกาทัณฑ์ไว้ได้ เข้าไปคำนับเนียสิเกียด แจ้งความว่า จิวกิ้นยิงเกาทัณฑ์มาสามลูก ข้าพเจ้าจับไว้ได้ลูกหนึ่งครบตามกำหนด คราวนี้ ถึงทีข้าพเจ้าจะยิงบ้าง บอกแล้วก็ขับม้ามากลางสนาม จิวกิ้นก็ขับม้าวิ่งไปให้เอียจี้ยิง เอียจี้ขับม้าไล่ เหนี่ยวสายเกาทัณฑ์ยิงไปแต่ไม่มีลูกเกาทัณฑ์ จิวกิ้นไม่เห็นลูกเกาทัณฑ์ สำคัญว่า เอียจี้ยิงเกาทัณฑ์ไม่เป็น ก็คิดประมาท เอียจี้เหนี่ยวเกาทัณฑ์หลอกเป็นหลายหน ครั้นจะยิงไป กลัวจิวกิ้นตาย จึงคิดว่า จิวกิ้นกับเราก็หามีสาเหตุสิ่งใดไม่ จะยิงให้ตายก็ไม่ควร จำจะต้องถูกที่ไม่สำคัญ อย่าให้ตาย คิดแล้วน้าวเกาทัณฑ์หมายตรงขายิงไป ลูกเกาทัณฑ์ถูกขาจิวกิ้นตกม้าลง ทหารเหล่านั้นก็เข้าพยุงจิวกิ้นไปรักษาบรรดาขุนนาง นายทหารและคนทั้งปวงมาดู พากันสรรเสริญว่า เอียจี้ฝีมือเข้มแข็งนัก ยิงเกาทัณฑ์ก็แม่นยำนัก เนียสิเกียดเห็นดังนั้นมีความยินดียิ่งนัก จึงให้ถอดจิวกิ้นออกจากที่ขุนนางนายทหาร ตั้งให้เอียจี้ว่าราชการตำแหน่งที่จิวกิ้นต่อไป เซ็กเทียว ขุนนางนายทหารที่เป็นคู่กันกับจิ้วกิ้น ได้ฟังเนียสิเกียดพูดดังนั้น ก็เข้าไปคำนับแล้วว่า ท่านอย่าเพิ่งตั้งให้เอียจี้แทนที่จิวกิ้นก่อนเลย ข้าพเจ้าจะขอทดลองฝีมือเอียจี้ ถ้าว่าข้าพเจ้าแพ้ ท่านจงเอาที่ของข้าพเจ้าให้เอียจี้ว่ากล่าวต่อไป ลีเส็งก็เข้าไปช่วยพูดว่า ท่านให้เอียจี้ทดลองฝีมือกับเซ็กเทียวก่อน จึงจะตั้งแต่งได้ เนียสิเกียดได้ฟังก็ไม่โต้ตอบประการใด จึงคิดว่า ตามบรรดาขุนนางนายทหารเหล่านี้ไม่มีผู้ใดยอมให้เอียจี้เป็นที่ทางเลย ครั้นจะให้เอียจี้ทดลองฝีมืออีก ไม่แจ้งว่า จะสู้เซ็กเทียวได้หรือไม่ จำจะหาเอียจี้มาถามดูแล้วจึงผ่อนผันต่อไป คิดดังนั้นแล้วก็ให้หาเอียจี้มาถามว่า เซ็กเทียวม้าทาจะทดลองฝีมือกับเจ้า เจ้าจะว่าอย่างไร เอียจี้ว่า ท่านอย่าวิตก หาเป็นไรไม่ ข้าพเจ้าจะทดลองให้ท่านดู เนียสิเกียดก็ยินดี พูดว่า ม้าของเรามีม้าหนึ่งเข้มแข็งกำลังมาก จงเอามาขี่ทดลองฝีมือกับเขาเถิด เอียจี้ก็คำนับลามาแต่งตัว ลีเส็งจึงพูดกับเซ็กเทียวว่า ตัวท่านก็เป็นครูของจิวกิ้น จะทดลองฝีมือกับเจียอี้ ต้องตั้งใจให้ดี อย่าหมิ่นประมาทพลาดพลั้งได้ให้เอียจี้ดูถูกว่า พวกเราฝีมือไม่เข้มแข็ง เรามีม้าอยู่ม้าหนึ่งกำลังมากคล่องแคล่วดี จงเอามาขี่เถิด คงจะไดชัยชำนะ เซ็กเทียวจึงแต่งตัวพร้อม แล้วเนียสิเกียดสั่งให้ยกเก้าอี้ไปตั้งดูอยู่ริมสนาม ขุนนางนายทหารทั้งปวงยืนเรียงเป็นแถวกัน พอกลองสัญญาตีขึ้น เอียจี้กับเซ็กเทียวก็ขับม้ามากลางสนาม เซ็กเทียวถือขวาน เอียจี้ถือทวน เข้าสู้รบกันหลายสิบเพลง หาแพ้ชนะกันไม่ ต่างคนคล่องแคล่วว่องไวดี เนียสิเกียดดูจนเพลิน คนทั้งปวงร้องสรรเสริญว่า สองนายฝีมือเข้มแข็งด้วยกัน ผู้อื่นนั้นเปรียบไม่ได้ นายทหารทั้งหลายก็พากันชมว่า ตั้งแต่เราเข้ามาทำราชการเป็นนายทหารไปสู้รบหลายครั้ง ยังไม่เห็นฝีมือเหมือนสองนาย ช่างชำนิชำนาญว่องไวคล่องแคล่วดีทั้งสองฝ่าย บุนตัด นายรองของเนียสิเกียด เห็นก็มีความยินดี จึงคิดว่า สองนายนี้ฝีมือเข้มแข็งสันทัดกัน ครั้นจะให้สู้รบขับเคี่ยวไปก็คงเป็นอันตรายข้างหนึ่ง จำเราจะห้ามไว้ แจ้งความให้เนียสิเกียด ผู้สำเร็จราชการ ฟังก่อนจึงจะควร คิดแล้วก็ร้องห้ามว่า ท่านทั้งสองอย่าเพิ่งสู้รบกัน ท่านผู้สำเร็จราชการจะจัดคู่ให้สู้กันใหม่ เอียจี้กับเซ็กเทียวได้ฟังก็ถอยออกมาหยุดยินม้าอยู่ลีเส็ง บุนตัดจึงเข้าไปคำนับเนียสิเกียดแล้วพูดว่า สองนายนี้ฝีมือเข้มแข็ง กำลังสันทัดกันทั้งสองฝ่าย ควรจะชุบเลี้ยงแต่งตั้งได้ ครั้นจะให้สู้รบขับเคี่ยวไปพลาดพลั้งลงเป็นอันตรายข้างหนึ่งก็เสียราชการไป เนียสิเกียดได้ฟังก็แจ้งว่า นายทหารทั้งหลายเห็นฝีมือยอมให้เอียจี้ทำราชการแล้ว ก็มีความยินดี จึงเรียกเอียจี้กับเซ็กเทียวเข้าไป ตั้งให้เอียจี้กับเซ็กเทียวเป็นขุนนางตำแหน่งที่หัดไซนายทหารฝ่ายซ้ายฝ่ายขวาได้ว่ากล่าวทหารทั้งปวง กับรางวัลเงินคนละร้อยตำลึง แพรสีสองไม้ เซ็กเทียวกับเอียจี้คุกเข่าลงคำนับรับที่ตั้งกับเงินและแพรสี แล้วเอียจี้ก็แต่งตัวเป็นขุนนาง เนียสิเกียดสั่งให้จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงกันที่สนาม แล้วเนียสิเกียดก็ชวนเอียจี้กลับมาบ้าน ตั้งแต่นั้นมา เนียสิเกียดจะมีกิจธุระสิ่งใดไปข้างไหน เอียจี้ก็ไปด้วย เนียสิเกียดมีใจรักใคร่เอียจี้เป็นอันมาก ลีเส็ง บุนตัด เซ็กเทียว นายทหารทั้งสาม ครั้นไปถึงบ้านแล้ว ต่างคนก็มีความเกรงกลัวเอียจี้ ด้วยได้เห็นฝีมือและสติปัญญา หาอาจดูหมิ่นไม่ จึงชวนกันไปหาเอียจี้ผูกรักเป็นพวกพ้องอยู่เนือง ๆ
เชิงอรรถของวิกิซอร์ซ
[แก้ไข]- ↑ ต้นฉบับไทยเว้นวรรคดังนี้ "ลีเส็งนั้นชาวบ้านมักเรียกว่า ลีเทียนอ๋อง บุนตัดนั้นก็เป็นสองชื่อ เรียกว่า บุนตัวตอ ชื่อหนึ่ง" แต่ปรากฏชื่อของบุนตัดเพียงชื่อเดียว วิกิซอร์ซจึงตรวจต้นฉบับจีน มีข้อความและแปลได้ดังนี้
"一箇喚做李天王李成,一箇喚做聞大刀聞達"
"คนหนึ่งคือ ลีเส็ง สมญา ลีเทียนอ๋อง (เทวราช) อีกคนหนึ่งคือ บุนตัด สมญา บุนตัวตอ (ปราดกระบี่)"
"Li Cheng, known as the King of the Skies, and Wen Da, known as the Mighty Sword"
ไม่มีส่วนใดที่บอกว่า บุนตัดมีสองชื่อ วิกิซอร์ซจึงเว้นวรรคเป็น "ลีเส็งนั้นชาวบ้านมักเรียกว่า ลีเทียนอ๋อง บุนตัดนั้นก็เป็นสอง ชื่อเรียกว่า บุนตัวตอ ชื่อหนึ่ง" โดยเข้าใจว่า
๑. "บุนตัดนั้นก็เป็นสอง" หมายความว่า บุนตัดอยู่ลำดับที่สอง เพราะข้างหน้ามีว่า "บุนตัด นายรองของเนียสิเกียด" หรือเพียงเพราะกล่าวถึงบุนตัดเป็นลำดับที่สองถัดจากลีเส็ง หรือ
๒. ในข้อความ "บุนตัดนั้นก็เป็นสอง" ต้นฉบับไทยอาจตกคำว่า "ไม่" (เป็น "บุนตัดนั้นก็ไม่เป็นสอง") เพราะเนื้อหาต่อมาบรรยายว่า ลีเส็งกับบุนตัดมีฝีมือเป็นเลิศ